ทดลองอ่าน ซีรีส์ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์ : มาลีเริงไฟ : ตอนที่ 18

 

 

ตอนที่ 18

 

 

หลังจากวันนั้น ญานีนก็ใช้ชีวิตในนามวิรัลยาอยู่ภายใต้คฤหาสน์หลังงามของบิดา โดยที่ไม่มีใครติดใจสงสัยอะไรหล่อนสักนิด มิหนำซ้ำทุกคนดีใจอย่างยิ่งที่เจ้าหญิงนิทรารู้สึกตัวแล้ว จะมีก็แค่เรื่องเดียวที่ทำให้ทุกคนแปลกประหลาดใจก็คือ การหายตัวไปของคุณผู้หญิงของบ้าน...

วิญญูต้องอ้างกับทุกคนว่า วารุณไปพักผ่อนต่างประเทศกะทันหันและยังไม่มีกำหนดกลับ เพื่อที่จะได้ไม่เป็นที่ผิดสังเกต

ส่วนพยาบาลสาวเอมอรนั้น ญานีนให้ออกจากงานแล้ว โดยไม่ลืมจ่ายค่าจ้างให้อย่างงาม นอกจากเป็นค่าที่อดทนดูแลและช่วยเหลือหล่อนตอนเป็นเจ้าหญิงนิทราแล้ว ยังเป็นค่าปิดปากเรื่องทั้งหมดด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องที่วารุณยังนอนแบ็บอยู่ในห้องนั้นแทนหล่อนนั่นเอง หล่อนไม่ไว้ใจใครทั้งสิ้น จัดการล็อกกุญแจห้องนั้นและถือกุญแจไว้กับตัว โดยหล่อนจะเข้าไปหาวารุณอย่างมากก็แค่วันละครั้งเท่านั้น

บิดาเคยขอร้องหล่อนอยู่เหมือนกัน ให้ปล่อยตัววารุณออกมา แถมยังรับประกันให้เสร็จสรรพว่าวารุณจะไม่กล้าทำอะไรเลวร้ายกับหล่อนอีกแน่

‘คุณวาเขาคงเข็ดแล้วล่ะ พ่อรู้จักเขาดี’

‘หนึ่งชีวิตแลกหนึ่งชีวิตค่ะ ถ้าคุณวารุณออกมา คุณก็เข้าไปแทน!’

นั่นคือคำขาดของหล่อน บิดาเลยจำต้องเงียบปาก และปิดเรื่องวารุณไว้เป็นความลับเช่นกัน แล้วก็ใช้ชีวิตต่อไปในแต่ละวันด้วยความอึดอัด

เจิมจันทร์เองก็ส่งพรายเด็กหนุ่มตามติดวิญญูตลอดเวลา เพื่อคอยรายงานความเคลื่อนไหวของวิญญูให้นางทราบ ซึ่งก็ทำให้นางรู้ว่าวิญญูพยายามจะบอกวิรัลยาและอัคนีถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่หลายต่อหลายครั้ง ตลอดจนพยายามโทร.หาใครบางคน ซึ่งน่าจะเป็น ‘คนเล่นของ’ ที่คอยช่วยพวกเขาอยู่ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่วิญญูทำอย่างนั้น เขาก็จะเจ็บเหมือนโดนเข็มแทงอย่างที่เจิมจันทร์ขู่ไว้จริงๆ

‘อยู่เฉยๆ เงียบๆ ไม่ดีกว่าเหรอคะคุณ ร่างกายไม่เจ็บ ชีวิตก็ปลอดภัยด้วย’ ญานีนเตือน

‘แก...ทำไมทำกับพ่อขนาดนี้ พ่อบอกแล้วไงว่าไม่รู้เรื่อง คุณวากับยายหนึ่งเป็นคนทำจริงๆ’

‘เอาไว้ว่างๆ ก่อนนะคะ หนูค่อยเชื่อ แต่ตอนนี้ไม่ขอเชื่อก็แล้วกัน!’

ระหว่างนี้ ญานีนก็ยังศึกษาเรียนรู้งานอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากบิดาและไอศูรย์ แต่หล่อนยังไม่อนุญาตให้ไอศูรย์มาหาที่บ้านจนกว่าจะถึงเวลา

“วันเกิดคุณปีนี้ จัดงานยังไงเหรอคะ” ญานีนถามบิดาในเช้าวันหนึ่งบนโต๊ะอาหาร

“พ่อว่าจะไม่จัดละ ขอไปทำบุญที่วัดก็พอ แกเองก็...”

“ไม่ได้ค่ะ ต้องจัด!” ญานีนเสียงเกรี้ยวขึ้นมา

“มันเป็นวันครบรอบบริษัทด้วยนี่คะ จัดให้ยิ่งใหญ่ไปเลยค่ะ เชิญคนมาเยอะๆ ยิ่งดี”

“แกคิดจะทำอะไร”

“ทำไมต้องคิดว่าหนูจะทำอะไรด้วยคะ” ญานีนย้อนถาม แล้วกลับ มาทำหน้าใสซื่อใส่บิดา ในท่าทีสบายๆ ขณะหยิบขนมปังเข้าปาก

“ก็เมื่อก่อนแกไม่ชอบออกงานแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ตื่นคนจะตายไป” วิญญูลดเสียงเบาลง เพราะไม่อยากให้คนรับใช้ได้ยิน

“แต่ตอนนี้หนูคือวิรัลยา...ตกลงตามนี้นะคะ”

“ยิหวา...” วิญญูยังใช้เสียงเบา “ถามจริงๆ แกคิดดีแล้วเหรอที่พึ่งยายของแกน่ะ ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนดีนะ...เขาไม่มีทางช่วยแกฟรีๆ หรอก”

“แล้วใครเป็นคนดีเหรอคะ”

ญานีนย้อนถามบิดาอีกรอบด้วยน้ำเสียงติดจะเยาะ คนเป็นพ่อเลยนิ่งอึ้งไป

หล่อนขยับตัวจะลุกออกจากโต๊ะอาหาร แต่ยังไม่วายหันมากำชับ “อย่าลืมเรื่องวันเกิดนะคะ เดี๋ยวหนูจะเลือกโรงแรมเอง อ้อ หนูขอธีมชุดสีเขียวนะคะ...คุณพ่อ”

----------

ในที่สุดก็ถึงวันงาน

อัคนียืนรอภรรยาอยู่ในห้องโถงของบ้าน วันนี้ชายหนุ่มอยู่ในสูทสีขรึมขับบุคลิกของเขาให้ยิ่งขรึมและสง่า รอไม่นาน ภรรยาของเขาก็เดินลงบันไดมา ชายหนุ่มหันไปมองแล้วคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

ภรรยาสาวอยู่ในเดรสเกาะอก ทำจากผ้าลูกไม้ทอลายดอกทั้งตัวสีเขียวมินต์ ขับผิวของหล่อนให้ยิ่งสว่างกระจ่างตา ตัวชุดแนบไปกับเรือนร่างแล้วปลายบานออกเล็กน้อย ความยาวเลยเข่าขึ้นมาประมาณหนึ่งคืบ ผมที่เคยปล่อยสยายยาวเรียบๆ ถูกดัดเป็นลอนใหญ่และอัคนีก็เพิ่งสังเกตว่าสีผมของหล่อนกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อนแทนสีดำสนิท บวกกับการแต่งหน้าที่เข้มกว่าปกติก็ทำให้หญิงสาวตรงหน้าดูเซ็กซี่อย่างร้ายกาจ ทว่า...มันกลับขัดตาเขาอย่างบอกไม่ถูก

“ยิหวาพร้อมแล้วค่ะ”

“ชุด...สั้นไปหรือเปล่ายิหวา...”

หญิงสาวก้มลงมองชุดตัวเองแล้วก็เงยหน้ามองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

“เหรอคะ สั้นไปเหรอคะ”

“พี่ไม่อยากให้ใครเห็นขาสวยๆ ของยิหวานี่นา” ชายหนุ่มพูดเสียงอ้อนๆ “นะ...พี่เห็นมีชุดที่ยาวกว่านี้ มา พี่ช่วยเลือกให้”

“พี่เดี่ยวขา พี่เดี่ยว” วิรัลยากอดแขนเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะพาหล่อนกลับขึ้นไปยังชั้นบน “นี่ไม่สั้นไปหรอกค่ะ ยิหวาเลือกมาแล้วว่ามันโอเค ชุดที่มีในตู้ตอนนี้มีชุดที่ยาวกว่านี้ค่ะ แต่ชุดนี้เข้ากับธีมของงานที่สุดนะคะและยิหวาก็อยากใส่มันด้วย”

“แต่มัน...”

“ไปเถอะค่ะ สายแล้ว เราต้องช่วยคุณพ่อรับแขกนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็เดินนำออกไปก่อน อัคนีมองตามแผ่นหลังบอบบางนั้นอย่างพิจารณากว่าครั้งไหน สักพักจึงก้าวตาม

สถานที่จัดงานเป็นโรงแรมระดับสี่ดาวแห่งหนึ่ง ส่วนห้องจัดงานเป็นห้องที่ชื่อ ‘พุดน้ำบุษย์’

เมื่อสองหนุ่มสาวไปถึงหน้างาน แสงแฟลช และเสียงกดชัตเตอร์ตลอดจนกดปุ่มมือถือก็ดังรัวๆ เพราะถือเป็นบุคคลสำคัญคู่หนึ่งของงาน มีนักข่าวขอสัมภาษณ์พวกเขาสองสามเจ้าเกี่ยวกับเรื่องทายาทและของขวัญที่จะให้เจ้าภาพ ซึ่งอัคนีทำหน้าที่ตอบแทนภรรยาทุกอย่าง จากนั้นพวกเขาก็เข้าไปในงาน ระหว่างทางก็แวะทักทายแขกเหรื่อไปตลอดทาง และเสียงชื่นชมถึงความเหมาะสมของพวกเขาก็มีมาให้ได้ยินตลอด

“ยิหวาเป็นคนเลือกโรงแรมเลือกห้องหรือเปล่าเนี่ย” ครั้งหนึ่งอัคนีกระซิบถามภรรยา

“เปล่านะคะ คุณพ่อเป็นคนเลือก มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“อ้อ แล้วไป...พี่นึกว่ายิหวาอยากระลึกความหลังของเราน่ะสิ”

วิรัลยาขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด

ระลึกความหลังอย่างนั้นหรือ? เรื่องอะไรกัน?

“อ้อ ลืมไป มันเป็นความหลังที่ยิหวาไม่อยากจำนี่นา” พูดแค่นั้นก็มีคนเข้ามาทักทั้งคู่ บทสนทนาจึงถูกหยุดไว้เท่านั้น

เมื่อเข้ามาข้างในห้องจัดงานแล้ว วิรัลยาก็ชะเง้อมองหาบิดาของหล่อน “เอ...พ่อยังไม่มาอีกเหรอคะ แม่ก็ไม่เห็น ปกติแม่ต้องมาดูแลความเรียบร้อยนี่นา”

“พี่ดีใจนะที่ได้ยินได้เห็นอย่างนี้” ผู้เป็นสามีเอ่ยยิ้มๆ

“ได้ยินได้เห็นอะไรเหรอคะ”

“ก็เห็นยิหวาเอาใจใส่พ่อ กระตือรือร้นที่จะมางาน แถมยังเรียกน้าวารุณว่าแม่อีก”

วิรัลยาชะงักไปเล็กน้อย หล่อนพลาด!

 

 

** หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com