ทดลองอ่าน อลเวงนัก รักของมาริสา : ตอนที่ 9

 

 

ตอนที่ 9

 

 

มาริสาสะดุ้งโหยง แทบจะอุทานคำหยาบออกมา เมื่อภุชิสสะโผล่หน้าหล่อๆ ของตัวเองมาจากห้องนอนอีกครั้ง

“เย็นพรุ่งนี้ถ้าน้องแพรเขามารอที่ล็อบบี้อพาร์ตเมนต์ เราช่วยถ่วงเวลาให้พี่หน่อยนะ เลิกงานพี่ต้องขับรถพาน้องกีกี้ไปส่งหอพักก่อน”

“ค่าคุณพี่” มาริสาทำปากยื่นปากยาวกลับไป คราวนี้เข้าห้องแล้วไม่ต้องโผล่มาอีกนะ จะสับรางรถไฟทีไรเดือดร้อนน้องนุ่งทุกที สำหรับผู้หญิงคนไหนที่เริ่มสนิทกับภุชิสสะจนรู้ว่าเขามีน้องสาว ก็มักเป็นภาระให้มาริสาช่วยสับรางหรือไม่ก็บอกเลิกให้ แลกกับที่พักหรูฟรีๆ หล่อนเลยยอมๆ ไปเพราะก็ไม่ได้เสียหายอะไร พรุ่งนี้ทำงานเสร็จแล้วคงต้องรีบกลับ

มาริสาเดินเข้าห้องนอนตัวเองบ้าง หยิบมือถือขึ้นมาดู เปิดอ่านไลน์ มาวินนั้นส่งข้อความมาครั้งสุดท้ายคือสั่งให้หล่อนจองโต๊ะ แล้วหล่อนก็ทั้งไม่จองไม่ตอบไลน์ ถึงตอนนี้หล่อนว่าตัวเองควรตอบเขาไปสักหน่อย แต่ไม่อยากพูดถึงเดตของเขากับแม่วิชุดานั่น เพราะมันแสลงใจ...พิมพ์อะไรไปดีนะ

‘พรุ่งนี้เจอกันที่ออฟฟิศนะคะ ฝันดีค่ะ’

มาริสาพิมพ์เสร็จก็กดส่งไป รอสักพัก เขายังไม่อ่าน หล่อนจึงไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเป็นชุดนอน แล้วค่อยมาเช็กไลน์ใหม่ ก็พบว่ามาวินตอบข้อความกลับมา

‘ครับผม เจอกันครับ’

กรี๊ด...แค่นี้มาริสาก็ฟินจนหลับฝันดีทั้งคืนแล้ว

----------

ท่าทางหล่อนจะฝันหวานมากเกินไปหน่อย เช้ารุ่งขึ้นถึงไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก กว่าจะรู้ตัวว่ากำลังจะสายก็ตาลีตาเหลือกอาบน้ำแต่งตัว หวีผมหวีเผ้า เกลี่ยรองพื้นไปลวกๆ จะไม่แต่งหน้าเลยไม่ได้ กลัวคนบนรถไฟใต้ดินคิดว่ามีศพมาโดยสาร ไม่ลืมทาลิปกลอสด้วย ส่วนไอ้พี่ยอชต์ก็ไม่รู้ออกไปไหนแต่เช้า นมกับซีเรียลที่ยังเห็นเมื่อคืนในตู้เย็น เช้านี้คุณพี่กินซะเกลี้ยง ไม่เหลืออะไรให้กินเลย ชามก็ไม่ล้าง

ต้องขอบคุณแชมพูและครีมนวดผมชั้นดีที่ทำให้มาริสาหัวไม่ฟูไปทำงานขณะที่วิ่งส้นสูงออกจากสถานีรถไฟใต้ดิน จนมาถึงห้างฯ และรอขึ้นลิฟต์ฝั่งพนักงาน ซึ่งตอนนี้ผู้โดยสารลิฟต์เบาบาง บ่งบอกว่าเลยเวลาเร่งด่วนไปแล้ว มีแต่เลขาฯ สาวที่เร่งรีบเป็นคนบ้าอยู่คนเดียว

“มาสายเหมือนเดิมเลยนะแก”

รุ่งจิกตาใส่คนที่วิ่งกระหืดกระหอบมาแต่ไกล พอถึงโต๊ะทำงานได้ก็เหวี่ยงกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะ มาริสามัวแต่หอบกับปาดเหงื่อที่หน้าผากเลยไม่ได้เถียงกลับไป แม้ในใจจะนึกประชดไปว่า ใครจะเหมือนเธอล่ะยะ แม่เลขาฯ ผู้บริหารระดับสูง มาสแตนด์บายก่อนท่านประธาน และกลับทีหลังท่านเสมอ

มาริสาเห็นในมือเพื่อนหอบแฟ้มหลายแฟ้ม และไม่หยุดเสวนากับหล่อนต่อเหมือนเช่นเคย จึงเอ่ยขึ้น

“นั่นแกจะไปไหนน่ะรุ่ง”

“เอาแฟ้มไปในห้องประชุมน่ะสิ วันนี้เขาประชุมกัน แกลืมแล้วเหรอ”

มาริสาชำเลืองเข้าไปในห้องทำงาน เห็นมาวินไม่อยู่ คงจะไปประชุมกับเขาด้วยล่ะมั้ง ก็ดีสิ หล่อนจะได้มีเวลานั่งจิบกาแฟกินขนมให้หายหิว แล้วแต่งหน้าไปด้วย พอเขากลับมาจะได้มีหน้าสวยๆ ไว้ต้อนรับ

“แล้วแกจะทำอะไรน่ะ” รุ่งถามทันทีที่เห็นมาริสานั่งลงเปิดกระเป๋าสะพาย หยิบแป้งฝุ่นออกมา

“ก็ทำสวยน่ะสิ คิดว่าทำอะไรล่ะ”

“มันใช่เวลาไหม นี่การประชุมก็เริ่มไปจะสิบนาทีแล้ว แกไม่ต้องไปช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาดสุดหล่อของแกจดบันทึกการประชุมหรือไง วันนี้ประชุมเรื่องโพรโมชันประจำปีของห้างฯ นะจ๊ะ”

เท่านั้นแหละ ฝุ่นจากกระปุกแป้งคลุ้งโต๊ะทำงานทันที แต่มาริสาตกใจเกินกว่าจะสนใจแป้งที่หกเลอะไปทั่ว ทุกครั้งที่ห้างฯ จัดโพรโมชัน จะเป็นหน้าที่ของฝ่ายการตลาดโดยตรง และหล่อน ในฐานะเลขาฯ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ก็ต้องรับผิดชอบทำงานเป็นทีมร่วมกับเจ้านาย ตายๆๆ หล่อนลืมไปได้ยังไงเนี่ยว่าเช้านี้มีประชุม!

มิน่า มือถือในกระเป๋าสั่นตลอด แต่ท่ามกลางผู้โดยสารบนรถไฟที่แออัด หล่อนจึงหยิบมือถือมาดูไม่สะดวก พอเห็นเบอร์มาวินหนึ่งสาย เบอร์ออฟฟิศอีกสามสายเท่านั้น มาริสาแทบตะกุยเอาแท็บเล็ตกับสมุดปากกาวิ่งแซงหน้ารุ่งไปทันใด ต้องโทษยายวิชุดาคนเดียว! ทำให้เมื่อวานหล่อนเสียสมาธิไปทั้งวันจนลืมนัดประชุม

ในห้องประชุม ทุกอย่างพร้อมสรรพทั้งสไลด์พรีเซนต์ข้อมูล ขนม กาแฟ แต่ทำไมมีแต่ท่านประธาน วิชุดา มาวิน และผู้บริหารอีกสองคน...นี่ยายรุ่งเมาหรือยังไงการประชุมยังไม่เริ่มสักหน่อย แล้วหล่อนจะวิ่งหน้าตั้งมาทำไม มาวินจ้องมาที่หล่อน ทำเอาหล่อนชักเสียเซลฟ์ แป้งยังไม่ได้ตบ หน้าเยิ้มมากไหมเนี่ย

“อธิบายมาซิ คุณมาริสา เมื่อกี้ผมให้เบญญาภาโทร.เช็ก หัวหน้าแผนกต่างๆ ในห้างฯ บอกว่ามาประชุมไม่ได้ มีนัดแล้ว หมายความว่ายังไง”

มาริสาทำหน้าฉงนใส่ท่านประธานซึ่งส่งสายตาคมกริบมา หล่อนจะไปตรัสรู้ไหม คนไหนเรียกประชุม คนนั้นก็จัดการเอาเองสิ ท่านประธานนี่ก็แปลก

เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ...เดี๋ยวก่อน...

เวร! เมื่อวานตอนพักเที่ยงก่อนที่มาวินจะสั่งให้หล่อนจองโต๊ะ เขาไลน์มาถามทีแล้วว่าทุกคนตอบรับเข้าประชุมหรือไม่ แต่มาริสามัวยุ่งๆ เลือกของกินอยู่กับยายรุ่ง จึงตอบส่งเดชไปว่าทุกคนตอบรับมาแล้ว...ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เช็กข้อความตอบกลับจากบุคคลเหล่านั้นด้วยซ้ำ แล้วพอตกบ่ายก็ดันมาเจอใบเตือนจากวิชุดาเข้าไปอีกสติสตังเลยไปกันใหญ่

“คุณประสานงานผิดพลาดอีกแล้วใช่ไหม”

ท่านประธานจี้ถามตรงๆ รุ่งซึ่งอยู่ข้างๆ เอามือทาบอกเพราะรู้จักเพื่อนสาวดี มิน่าทำไมการประชุมผ่านไปแล้วยังมากันไม่ครบ

มาริสาซึ่งหน้าไม่มีสีอยู่แล้วเพราะยังแต่งหน้าไม่เสร็จ ยิ่งหน้าถอดสีหนักกว่าเดิมเวลานี้

“พลาดจริงๆ เธอนี่มันไม่ได้เรื่อง” คราวนี้เป็นเสียงวิชุดา มาริสาไม่ต้องพูดอะไร คนทั้งห้องประชุมก็คงรู้หมดแล้วจากสีหน้า “นี่มันเสียเวลาพวกเราไหมเนี่ย ที่ต้องมานั่งรอ”

“สา...คือ...” มาริสาไม่รู้จะพูดยังไง นี่หล่อนถูกปลดจากตำแหน่งแล้วใช่ไหม ถูกไล่ออกหรือยัง

“ไม่เป็นไรครับ” มาวินพูดขึ้น ”นี่ก็เสียเวลาไปแค่สิบกว่านาที เรานัดประชุมกันใหม่ก็ได้ โพรโมชันประจำปีก็ไม่ได้เร่งด่วน อีกตั้งหลายเดือน เรียกประชุมพรุ่งนี้ยังทัน เดี๋ยวผมให้คุณมาริสาเขียนเมโมถึงทุกคนเองครับ พรุ่งนี้เวลาเดิม”

“แต่เรื่องนี้ยังไม่จบแค่นี้นะคะวิน” วิชุดาแย้ง “แผนดารวนไปหมด ถ้าพรุ่งนี้เช้าประชุม ดาก็ต้องเลื่อนนัดช่างแว็กซ์ขนคิ้ว”

“เอาน่ะครับดา เรียกทุกคนมาตอนนี้ ทุกคนคงติดงานกันหมด”

“แต่เรื่องของดาก็สำคัญนะคะ”

“เอาเรื่องงานก่อนเถอะลูก” ท่านประธานพูดขึ้น

“แต่คุณพ่อ...”

 

 

** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com