คืนแรกของญานีนที่ไม่ต้องนอนหลับในห้องเจ้าหญิงนิทรา
ความจริงหล่อนควรที่จะรู้สึกสบายและปลอดโปร่งกว่ามากโข แต่เปล่าเลย หล่อนยังคงพลิกกายไปมาบนเตียงนอนของไอศูรย์ อาจเป็นเพราะรู้สึกแปลกที่ ไม่ว่าจะพยายามข่มตาให้หลับก็แล้ว ไหว้พระสวดมนต์ก็แล้ว นั่งสมาธิก็แล้ว ในที่สุดหล่อนก็ต้องลุกขึ้นเปิดไฟ และไม่ถึงห้านาทีก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“กะแล้วว่าคุณต้องนอนไม่หลับ”
ไอศูรย์เอ่ยทันทีที่หญิงสาวเปิดประตูให้
“คือฉัน...”
“นมอุ่นๆ สักแก้วไหมครับ เผื่อจะรู้สึกดีขึ้น” ไม่เพียงแค่ถามด้วยความห่วงใย เขาเตรียมมาให้เรียบร้อยแล้วจึงยื่นแก้วนมให้สาวตรงหน้าเป็นเชิงบังคับอย่างหวังดี
คาดว่าเจ้าของห้องคงเห็นแสงไฟที่ลอดออกมาจากประตูห้องนอนเป็นแน่ ญานีนเลยยิ้มขอบคุณเขา รับแก้วนมมาถือไว้ในมือ
“ขอบคุณนะคะคุณไอซ์ เอ่อ ตอนที่ฉันยังไม่เป็นแบบนี้ คุณดูแลฉันดีอย่างนี้หรือเปล่า” ญานีนอยากรู้จริงๆ ว่าเขาดีกับวิรัลยามากแค่ไหน
“ไม่เคยหรอกครับ เพราะเราไม่เคยอยู่ใกล้กันมากขนาดนี้มาก่อน”
ไอศูรย์ตอบน้ำเสียงราบเรียบ แต่แววตาภายใต้กรอบแว่น ‘เริ่ม’ สื่อความหมายให้หญิงสาวรับรู้
ญานีนจากที่เป็นคนถามชายหนุ่มตรงหน้าก่อน เลยเสยกนมขึ้นจิบ
“วิรัลยาคนนั้นโง่มากเลยนะคะที่ไม่รักคนดีๆ อย่างคุณ”
“คุณเพิ่งรู้จักผม อย่าเพิ่งพูดคำนี้เลยดีกว่าครับ”
“คะ?” หล่อนหลุดถามเขาออกไป เผยความระแวงในแววตาให้เขาเห็น
จริงด้วย หล่อนมัวแต่นึกถึงการตักตวงผลประโยชน์จากเขา หวังให้เขาช่วยสอนงานเพื่อที่จะได้ออกไปสู้กับวิรัลยา จนลืมนึกถึงความปลอดภัยของตัวเอง เพราะตอนนี้ เวลานี้ หล่อนอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของเขา!
“เป็นอะไรคุณหนึ่ง หน้าคุณซีดเชียว”
“คะ? อ๋อ คือ ฉัน” ญานีนตอบตะกุกตะกัก แล้วต้องก้มมองตัวเองใจคอไม่ดีเท่าไหร่ เพราะกำลังยืนคุยกับเขาทั้งที่อยู่ในชุดนอนกระโปรงบางเบา ตามแบบที่เขาจัดหามาให้
เห็นท่าทางของหล่อนแล้ว ไอศูรย์ก็อมยิ้ม “ดีแล้วล่ะครับที่คุณระแวงผม และคุณก็ควรระแวงผู้ชายทุกคนในโลกนี้ด้วย”
“แล้วคุณจะทำอะไรฉันหรือเปล่า” ญานีนถามพลางถอยหลังกรูด นั่นทำให้ยิ้มของไอศูรย์กลายเป็นหัวเราะด้วยความขำปนเอ็นดู
“ถามแบบนี้ คนร้ายที่ไหนจะบอกว่าทำล่ะครับ”
ฉันก็ยังโง่อยู่ดี เฮ้อ! ญานีนโอดครวญในใจ
“พรุ่งนี้คุณอยากทำอะไรหรืออยากไปไหนหรือเปล่า” ไอศูรย์ถามขึ้นอีก
“อืม...ฉันยังไม่รู้เลยค่ะ ไม่อยากด้วย ที่สำคัญที่สุด ฉันยังไม่อยากเจอใครในตอนนี้น่ะค่ะ”
“โอเค แล้วนี่คุณจะนอนต่อหรือเปล่า”
“ได้นมอุ่นๆ แล้ว คราวนี้น่าจะหลับได้ ขอบคุณมากๆ อีกครั้งนะคะ คุณไอซ์”
“ถ้าอย่างนั้นขอให้หลับฝันดีนะครับ” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนยิ่งนัก อ่อนโยนจนหล่อนต้องส่งยิ้มไปให้
“คุณก็เหมือนกันนะ หลับให้สนิทเลยนะคะ เพราะหลังจากวันนี้ คุณคงต้องเหนื่อยกับผู้หญิงความจำเสื่อมอย่างฉันอีกเยอะ”
“ด้วยความยินดีครับ” ไอศูรย์โค้งศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนเงยหน้ามาส่งยิ้มกว้างที่แสนจะจริงใจให้หล่อนอีกครั้ง
----------
หลังจากวันนั้น ญานีนก็ตั้งใจเรียนรู้งานจากไอศูรย์เต็มที่ การแกล้งความจำเสื่อมนับว่าเป็นอะไรที่ช่วยหล่อนได้มากทีเดียว เพราะมีหลายครั้งที่หล่อนยิงคำถามที่ไม่น่าถามออกไป และคงพราะการที่หล่อนให้เหตุผลว่าความจำเสื่อมอีกเช่นกัน ไอศูรย์ถึงไม่รู้สึกเอะใจกับคำถามงี่เง่าของหล่อน และกลับยังคงใจเย็นตอบคำถามหล่อนได้ไม่รู้จักเบื่อ
ตอนกลางวันไอศูรย์ต้องออกไปทำงานตามปกติของเขา ญานีนก็มักจะใช้เวลาช่วงนั้นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ควบคู่ไปกับการติดตามความเคลื่อนไหวของอัคนีและวิรัลยาโดยที่ไอศูรย์จะได้ไม่รู้สึกผิดสังเกต
ญานีนหวังว่า ถ้าไอศูรย์สามารถช่วยหล่อนแก้แค้นได้จริงๆ หล่อนจะได้ไม่ต้องพึ่งยายมากไปกว่านี้ และถ้าเป็นไปได้ จะได้ไม่ต้องเป็นทายาทไสยดำอันน่าสะพรึงกลัวของยายด้วย
นึกมาถึงตรงนี้ หล่อนก็หวนนึกถึงภาพวันที่ยายแปลงหน้าหล่อนให้เป็นวิรัลยา...
ยายกับหล่อนนั่งหันหน้าเข้าหากันบนพื้น ในมือของยายมีรูปถ่ายหน้าตรงและชัดของวิรัลยา ยายให้หล่อนหลับตาและห้ามลืมเด็ดขาดจนกว่าจะสั่ง จากนั้นยายก็พึมพำบทสวดแปลกหู ห้องที่เย็นฉ่ำด้วยครื่องปรับอากาศค่อยๆ ร้อนขึ้น พร้อมกับที่หล่อนรู้สึกว่าภายในห้องมีจำนวนคนเพิ่มขึ้น จากหนึ่งเป็นสอง เป็นสาม เป็นสี่ และห้า ญานีนไม่กล้าลืมตาดู แต่สัมผัสได้ว่าทั้งหมดนั้นกระจายตัวอยู่ล้อมรอบตัวหล่อน ครู่ต่อมา บทสวดของยายก็กระชั้นขึ้น ญานีนรู้สึกร้อนวาบที่หน้าเหมือนมีใครเอาเตารีดร้อนๆ มานาบ หล่อนกรีดร้องด้วยความเจ็บผสมตกใจ แต่เพียงครู่เดียวความเจ็บก็หายไป พร้อมกับเสียงของยายก็หยุดลง ญานีนรีบลืมตาขึ้น แล้วหล่อนก็ทันเห็นร่างรางๆ ของใครบางคนก่อนจะหายไปต่อหน้าต่อตา ร่างซึ่งเน่าเฟะไปทั้งตัว!
หล่อนหวีดร้องอีกครั้ง แต่ยายก็เอื้อมมือมาตบแขนหล่อนแรงๆ เชิงห้าม จากนั้นจึงส่งกระจกให้หล่อน
‘จากวันนี้ไป แกห้ามถอดจี้เส้นนี้อีกเด็ดขาด วิญญาณที่อยู่ในจี้จะช่วยดูแลแกช่วงที่ฉันไม่อยู่’
‘วิญญาณ?’ หล่อนทำหน้าสยอง
‘ไหนๆ แกก็จะเป็นทายาทของฉันแล้ว แกจำเป็นต้องรู้ จะได้ทำความคุ้นเคยเอาไว้ ใช่ ในจี้ของแกมีวิญญาณตนหนึ่งที่ฉันสะกดเอาไว้ คอยสอดส่องความประพฤติของแก’
‘รวมถึงเครื่องประดับที่ยายให้พี่ๆ คนอื่นด้วยหรือเปล่าคะ’
‘ฉันจำเป็นต้องรู้ว่าหลานของฉันทำอะไรนอกลู่นอกทางหรือเปล่า’
และนั่น...ก็ทำให้ตอนออกจากคฤหาสน์ของวิญญูมา หล่อนตัดสินใจถอดจี้เพชรไว้ที่นั่น ยายจะต้องไม่รู้ไม่เห็นในสิ่งที่หล่อนทำอยู่ตอนนี้
ญานีนรีบดึงตัวเองออกจากภวังค์ แล้วตั้งใจศึกษางานต่อ
ตอนนี้หล่อนเข้าใจระบบงานของฝ่ายข่าวมากขึ้นกว่าเดิมมาก ดังนั้น เวลาที่ไอศูรย์เล่าเรื่องที่ทำงานให้ฟัง หล่อนจึงร่วมพูดคุยและแสดงความคิดเห็นได้มากขึ้น หล่อนเชื่อว่าอีกไม่นาน หล่อนก็จะพร้อมออกไป ‘เซอร์ไพรส์’ ทุกคนที่มีส่วนทำให้หล่อนต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราอย่างแน่นอน!
** หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ **