อัคนีเผลอขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจ เมื่อเห็นภรรยาสาวสวยเดินลงบันไดมาในชุดที่เตรียมพร้อมจะออกไปข้างนอก เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา
“เพื่อนๆ เขาเลี้ยงฉลองให้ยิหวาที่ออกจากโรงพยาบาลน่ะค่ะ”
วิรัลยารายงานเขาเสียงหวาน เดินเข้าไปกอดแขนเขาฉอเลาะ
“แต่งานนี้มีแต่ผู้หญิง ยิหวาไม่อยากให้พี่เดี่ยวไปนั่งแกร่วน่ะค่ะ เลยไม่ได้ชวน”
“แต่ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมา ยิหวาออกไปปาร์ตี้ทุกคืนเลยนะ หักโหมไปหรือเปล่า”
“หมดปาร์ตี้ค่ำนี้ ก็ไม่มีแล้วละค่ะ มีอีกทีก็วันเกิดครบรอบช่องกับวันเกิดคุณพ่อเลย นะคะ ขอยิหวาไปหน่อยเถอะ อุดอู้อยู่ในโรงพยาบาลเป็นครึ่งปี ก็อยากไปเปิดหูเปิดตาบ้าง แล้วจะรีบกลับนะคะ” หล่อนยื่นหน้าไปจุ๊บแก้มเขาอย่างประจบและแสนรัก จากนั้นจึงผละจากไป
“จำอะไรยังไม่ค่อยได้แบบนี้ ไม่กลัวไปพูดอะไรตลกๆ ให้เพื่อนๆ สงสัยหรือหัวเราะเหรอ” ชายหนุ่มถามขึ้นโดยที่ยังหันหลังให้หล่อน
วิรัลยาชะงักฝีเท้า จริงสิ หล่อนหลอกเขาว่าจำอะไรไม่ได้ เพียงเพราะยังไม่สามารถเลียนแบบพฤติกรรมของญานีนได้ทั้งหมด หรือจะพูดให้ถูกก็คือ หล่อนเกลียดบุคลิกของยายนั่นมาก ถ้าเพราะไม่จำเป็นจริงๆ หล่อนจะไม่มีวันลงทุนทำแบบนี้
“ก็เพราะจำไม่ได้ไงคะ ยิหวาถึงต้องให้เพื่อนๆ ช่วยรื้อความจำ...หรือเพื่อนๆ พวกนี้ไม่ดีเหรอคะ พี่เดี่ยวถึงไม่อยากให้ยิหวาไป”
“พี่ไม่ได้ห้าม แต่คิดว่าน่าจะนัดกันตอนกลางวัน มาที่บ้านเราก็ได้ พี่จะได้ดูแลยิหวาด้วย แล้วก็จะได้ไม่ต้องห่วงอย่างนี้”
หญิงสาวเงียบไปอย่างใช้ความคิด หล่อนกำลังเล่นไม่สมบทบาทอยู่หรือเปล่านะ
“เอางั้นก็ได้ค่ะ เดี๋ยวยิหวาแคนเซิลเพื่อนก็ได้...ขอโทษนะคะที่ทำอะไรไม่ปรึกษาพี่เดี่ยวก่อน” หล่อนเดินย้อนกลับมาหาเขา กอดแขนเขาอีกครั้งด้วยท่าทีฉอเลาะและประจบอีกตามเคย
“ไม่ต้องแคนเซิลหรอก ยิหวาไปเถอะ แต่ให้คนขับรถไปด้วย ที่สำคัญอย่ากลับดึก”
วิรัลยายิ้มหวานพึงพอใจที่แผนได้ผล หล่อนรู้ดีว่าอัคนีไม่ใช่คนไร้เหตุผล แต่ขณะเดียวกันก็ใช่ว่าจะรับฟังเหตุผลใครง่ายๆ เขาแค่ชอบที่จะให้คนรอบตัวรับฟังความคิดเห็นหรือคำแนะนำของเขาบ้างก็แค่นั้น
“ขอบคุณค่ะ” หล่อนจุ๊บแก้มเขาอีกครั้ง แล้วเดินออกจากบ้านไป
อัคนีถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินขึ้นไปหยิบงานที่ค้างจากบริษัทมานั่งทำต่อ
----------
เจิมจันทร์เก็บตัวอยู่ในห้องพระ ตั้งแต่กลับมาจากคฤหาสน์ของวิญญู นางได้แต่นั่งสมาธิเพื่อฟื้นพลังกลับคืน แต่การช่วยญานีนเป็นวิรัลยานั้นกินพลังนางมากกว่าที่คิด เพราะจนถึงตอนนี้นางยังคงอ่อนแรง ผมยังขาวทั้งศีรษะเหมือนเดิม นางจำเป็นต้องไปอยู่ในที่ที่เงียบสงบกว่านี้ และต้องใช้เวลานานกว่านี้มาก
หญิงชราลืมตาขึ้น เรียกหาพรายนพ
“ข้าจำเป็นต้องเข้าถ้ำเป็นเวลาสองเดือน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เอ็งก็ไม่ต้องเรียกข้า อยู่ทางนี้ดูแลยิหวาให้ดี ข้าไม่ไว้ใจไอ้ทองดีมัน”
‘ขอรับคุณท่าน’
พรายนพน้อมรับคำ แล้วก็สลายเป็นควันดำหายตัวไป มาปรากฏตัวอีกทีที่หน้าคฤหาสน์ของวิญญู ชะเง้อมองเข้าไปในตัวบ้าน
เขาไม่สามารถเข้าไปได้ เนื่องจากท่านเจ้าที่ออกมายืนจังก้าส่งสายตามองมาอย่างไม่พอใจเป็นที่สุด!
‘ออกไป!’
‘อย่าเพิ่งไล่ผมเลย ผมแค่ทำตามคำสั่งของเจ้านาย ผมไม่ได้มาร้าย ผมแค่อยากรู้ว่าผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงชั้นล่าง เธอเป็นอย่างไรบ้างเท่านั้น’
‘เธอไม่เป็นอะไร ก็ยังนอนอยู่นั่น ทีนี้เจ้าไปได้แล้ว อย่ามารบกวนคนในความดูแลของข้าอีกเด็ดขาด’
‘ขอรับ...’ เด็กหนุ่มรับคำและยิ้มด้วยความสบายใจ
----------
ญานีนรับโทรศัพท์มือถือจากไอศูรย์มาดูใกล้ๆ เนื่องจากเขาเปิดภาพของหล่อนให้ดู
“นี่ไงครับคุณยิหวา เอ่อ ผมหมายถึงคุณญานีนน่ะ เธอเป็นลูกสาวของภรรยาเก่าคุณพ่อคุณ อายุน้อยกว่าคุณสองเดือน”
“อ๋อ...ค่ะ” ญานีนดูภาพถ่ายนั้น แสร้งทำท่าคิดไปด้วย
ใช่ หล่อนอายุน้อยกว่าวิรัลยาสองเดือน ก็แหงล่ะ วิญญูแอบมีวารุณมานานแล้วก่อนที่จะทิ้งจิรัญญาไปอยู่กับรายนั้น ทำให้มารดาของหล่อนทุกข์ทรมานจนต้องฆ่าตัวตายในที่สุด
“คุณยิหวาเป็นคนสวยมากครับ แต่มีดีแค่ความสวย เธอไม่ใช่คนเก่ง ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ตรงข้ามกับคุณทุกอย่าง แต่เธอก็เป็นคนดีคนหนึ่ง...คุณหนึ่งดูภาพต่อไปสิครับ” บอกแล้วไอศูรย์ก็สไลด์หน้าจอโทรศัพท์ มือถือให้หล่อนเห็นภาพถัดไป
ภาพของอัคนี...
ญานีนมือสั่นเล็กน้อย ก่อนพยายามฝืนทำเป็นปกติ
“คุณอัคนี เป็นลูกบุญธรรมของคุณพ่อคุณ คุณพ่อของเขาเคยเป็นคนขับรถของท่านครับ แต่เสียชีวิตไปเพราะพยายามช่วยท่านจากการถูกลอบฆ่า ท่านเลยรับอุปการะเขาตั้งแต่เขาอายุได้ประมาณสิบขวบ เป็นคนดี ขยัน ซื่อสัตย์ กตัญญู เจียมเนื้อเจียมตัว ทำงานเก่ง จนได้รับความไว้วางใจจากคุณพ่อของคุณให้ร่วมบริหารวายอีเอส ตอนเด็กๆ คุณอัคนีอยู่บ้านเดียวกับคุณ คุณสองคนเลยสนิทสนมกันและ...รักกัน”
“แต่ยิหวาก็รักเขาด้วยใช่ไหมคะ ฉันจำได้ คุณบอกว่าฉันกับยิหวาแข่งกันทั้งเรื่องงานและความรัก”
“ครับ คุณเสียใจและโกรธมากตอนที่รู้ว่าคุณอัคนีต้องแต่งงานกับคุณยิหวา หลังจากนั้นคุณเลย เอ่อ พยายามจะ...”
“แย่งผู้ชายคนนี้กลับคืน?” หล่อนต่อประโยคนั้นให้
และไอศูรย์ก็พยักหน้าแต่มีสีหน้ากระอักกระอ่วนอยู่พอสมควร ยามต้องเล่าต่อว่า
“คุณบอกว่าเป็นสิทธิ์ของคุณ เพราะคุณมาก่อน คุณอัคนีไม่ได้รักคุณยิหวา...”
ญานีนเงียบ ความเจ็บปวดไหลบ่าอีกครั้ง
“แล้วทำไมคุณอัคนีถึงแต่งงานกับคุณยิหวาล่ะคะ” หล่อนถามเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต ซึ่งไอศูรย์ก็บอกเหตุผลตามจริง
เมื่อเขาเล่าจบ หล่อนจึงเอ่ยกับเขาอีกว่า
“เรื่องนี้คงไม่ใช่แค่ฉันและคุณอัคนีที่เจ็บ คนชื่อยิหวาก็คงเจ็บ เพราะต้องแต่งงานกับคนที่เขาไม่ได้รักตัวเอง”
“ผมไม่เคยนึกในมุมนี้มาก่อนเลย แต่ตอนหลังก็ดูคุณยิหวาเธอมีความสุขดีนะครับ คุณอัคนีก็เหมือนกัน คิดว่าพวกเขาคงปรับตัวเข้าหากันได้แล้ว...เอ่อ คุณคงเหนื่อยแล้ว วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะ พรุ่งนี้เราค่อยมาเริ่มกันใหม่” ไอศูรย์ตัดบทเมื่อเห็นสาวข้างกายดูซึมๆ ไป
“ฉันไม่เหนื่อยเลยค่ะ ฉันอยากให้คุณคุยเรื่องงานของฉันให้ฉันฟังแล้วก็สอนงานให้ฉันด้วย”
“แต่คุณควรจะ...”
“ไม่ค่ะ ฉันจะไม่พักจนกว่าจะรู้เรื่องงานของฉัน” หล่อนขัดเขา
ไอศูรย์ไม่เคยขัดใจผู้หญิงที่ชื่อวิรัลยาอยู่แล้ว เขายอมพูดคุยกับหล่อนเรื่องงานต่อ ขณะที่คนทั้งคู่กำลังคุยเรื่องงานกันอย่างเคร่งเครียด... วิรัลยาในร่างญานีนนั้นก็กำลังสนุกสุดเหวี่ยงอยู่กับคนแปลกหน้ามากมาย ในผับแห่งหนึ่ง
ไม่มีเพื่อนของญานีนอย่างที่บอกกับอัคนี
เรื่องอะไรหล่อนจะนัดเพื่อนของญานีนให้รำคาญใจเล่า หล่อนเกลียดญานีน และรำคาญเพื่อนๆ ของหล่อนด้วย
คืนนั้นมีหนุ่มๆ มาเมียงมองหล่อนอยู่หลายคน ตอนแรกวิรัลยาตั้งท่าจะรับไมตรี เพราะอยากให้ชื่อเสียงญานีนป่นปี้ แต่เมื่อนึกได้ว่าหล่อนจำเป็นต้องเป็นญานีนตลอดไป จึงตัดสินใจไล่ตะเพิดหนุ่มๆ เหล่านั้นไป แล้วกลับบ้านไปนอนกอดผู้ชายเพียงคนเดียวที่หล่อนรัก...
** หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ **