โต๊ะทำงานของมาริสาไม่ได้จัดมาสองสามสัปดาห์แล้ว เมื่อเช้าก็แค่เคลียร์ๆ ของบนโต๊ะเพื่อให้มีที่ทำงาน ไม่เหมาะจะเอาของพะรุงพะรังที่ซื้อมากองสุมไว้เลย แต่ทำไงได้ หล่อนไม่มีปัญญาซื้อรถกับเขานี่ อันที่จริงหล่อนสอบใบขับขี่ตกทุกรอบ แล้วอพาร์ตเมนต์ก็ไม่ได้ห่างจากรถไฟใต้ดิน จึงไม่เดือดร้อนอะไร แต่สงสัยจะต้องทบทวนอีกที ถ้ามีรถก็จะมีที่ไว้ซุกของพวกนี้วันที่ช็อปปิงเวลาพักกลางวัน
เลขาฯ สาวไม่ได้ทำอะไรตลอดช่วงบ่ายนอกจากทามอยส์เชอไรเซอร์บำรุงมือเพิ่ม เพราะอากาศในออฟฟิศแห้งจริงจัง แล้วก็เติมลิปกลอสหน่อย ดูข่าวดาราในอินเทอร์เน็ตผ่านๆ ส่งข้อความแชตเฟซบุ๊กไปหาเพื่อนร่วมงาน แต่ไม่มีใครตอบสักคน ไม่รู้จะงานยุ่งกันไปไหน หล่อนเลยว่าจะลุกไปที่ห้องแพนทรีดูเสียหน่อยว่าแม่บ้านเอาขนมอะไรมาเปลี่ยนหลังจากที่โหลเก่าหมด หรือไม่อาจจะแอบขโมยทุเรียนกรอบของยายรุ่งกินสักคำสองคำ รายนั้นคงไม่ว่า
แต่ยังไม่ทันลุก โทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น
“สวัสดีค่ะ ออฟฟิศคุณมาวินค่ะ”
“สา” เสียงใสๆ ที่คุ้นเคยทักกลับมา นึกว่าใคร เบญญาภา เลขาฯ ของแม่วิชุดานั่นเอง “ฉันแยมเองนะ คุณวิชุดาเรียกพบน่ะ”
เรียกพบ? เรื่องอะไรอีกล่ะทีนี้ ไม่เห็นหรือว่าหล่อนนั่งทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่บนโต๊ะเนี่ย
“เรียกพบเรื่องอะไรเหรอ”
“ไม่รู้สิ รีบๆ มาเถอะ”
มาริสาวางหูลง น่าเบื่อชะมัด มองนาฬิกา นี่ยังไม่บ่ายสามดี เวลาช่างผ่านไปช้าแสนช้า แถมเจ้านายยังเรียกพบอีก พนันได้เลย แต่ละครั้งที่หล่อนถูกเรียกพบ ไม่มีครั้งไหนเป็นเรื่องดี
ออฟฟิศของวิชุดาอยู่ชั้นเดียวกับมาวิน เดินไปแค่สองนาทีก็ถึง เมื่อไปถึงก็พบเบญญาภากำลังนั่งพิมพ์อะไรใส่คอมพิวเตอร์อยู่
“ทำสีผมมาใหม่เหรอจ๊ะแยม” มาริสาทักขึ้น เบญญาภาเป็นอีกคนที่เป็นสาวสวยผมยาวประจำออฟฟิศ ชวนให้หนุ่มๆ น้ำลายไหล ส่วนอีกคนก็มาริสาเอง ไม่ใช่ใคร คนสวยสองคนมาเจอกันจึงเข้าใจหัวอกกันดี
เบญญาภาละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์มามองหล่อน “มาเร็วจริงสา ใช่แล้วจ้ะ ฉันอยากให้มันสว่างหน่อยเลยย้อมมาเพิ่ม ออกเป็นน้ำตาลประกายทอง สีเหมือนทรายต้องแสงอาทิตย์หน่อยๆ เธอว่าเข้ากับผิวของฉันไหม” พูดไปก็สะบัดเรือนผมไป
“ก็สวยนะ ฉันอยากย้อมสีแบบเธอบ้าง แต่เสียดาย เพิ่งไปยืดมาอาทิตย์ก่อน กลัวผมเสีย”
“งั้นอย่าเพิ่ง สีน้ำตาลเข้มของเธอน่ะสวยแล้ว ทำให้หน้าดูคม อย่าเพิ่งเปลี่ยนลุกเลย”
“พูดถึงเรื่องทำสีผม” มาริสาพูดพลางหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของอีกฝ่าย “เธออ่าน...” หญิงสาวพูดชื่อนิตยสารแฟชั่นที่ยังตีพิมพ์จำหน่ายอยู่และยอดขายดีมาก “ฉบับล่าสุดหรือยัง เขาแนะนำสีผมที่เหมาะกับลุกของสาวแต่ละคน แล้วก็บอกวิธีทำให้สีออกมาใกล้เคียงกับแบบในกล่องที่สุด”
มาริสาและเบญญาภาชอบอ่านนิตยสารแฟชั่นเหมือนกัน และยังซับสไกรบ์เป็นสมาชิกนิตยสารแบบรายปีคนละเล่ม ให้จัดส่งมาที่ออฟฟิศทุกปักษ์
“ฉันได้มาแล้วนะ อยู่ใต้โต๊ะนี่เอง แต่สงสัยยังเปิดอ่านไม่ถึง ไหนๆ ก็ไหนๆ หยิบมาดูหน่อยดีกว่า” เบญญาภาก้มลงไปใต้โต๊ะควานหานิตยสารที่ว่า “เอ...อยู่ไหนนะ”
“นี่ใช่ไหม”
เจ้าของโต๊ะทำงานเงยขึ้นจากการก้มลงไปคลาน แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อมือเรียวงามของอีกฝ่ายส่งนิตยสารมาให้ “ใช่ๆ ลืมไปว่าฉันเอาแฟ้มการประชุมทับไว้”
เบญญาภาลุกขึ้น ถือนิตยสารเอาไว้ เตรียมจะหยิบมาเปิดอ่าน แต่แล้วก็สะดุ้งโหยงโยนนิตยสารออกจากตัวเมื่อเห็นชัดๆ เต็มสองตาว่าใครส่งนิตยสารให้
“คุณวิชุดา!”
“อยากอ่านนิตยสารนักก็ลาออก แล้วไปอ่านที่บ้านดีไหม ถ้าจะเอาเวลางานมาแอบอ่านแบบนี้!” วิชุดาแหวใส่ ก่อนจะหันมาทางมาริสา ซึ่งรู้ตัวสักพักแล้วว่าวิชุดาเดินออกมาแต่ไม่บอกเพื่อน “ส่วนเธอ มาถึงแล้วทำไมไม่เข้าไปหาฉัน มาชวนเลขาฯ ฉันคุยทำไม”
จะอะไรกันนักหนา ไม่ได้คุยอะไรยาวเลย แค่ทักทายกันตามประสาเพื่อนสาว เบญญาภาก็ใช่คนอื่นคนไกล นอกจากเป็นเพื่อนร่วมงาน ยังเป็นรูมเมตของรุ่งซึ่งอยู่อพาร์ตเมนต์ตึกเดียวกับหล่อน ก็เพื่อนกลุ่มเดียวกัน เจอกันจะให้แกล้งมองไม่เห็นหรือไง
“ตามเข้ามา”
มาริสาเดินตามร่างสูงหุ่นนางแบบเข้าไปในห้องทำงาน เบญญาภาหน้าจ๋อยไป แต่พอเจ้านายเข้าห้องไปมาริสาแอบเห็นว่าเลขาฯ หน้าห้องแอบทำปากรูปสระอิตัวโตใส่เจ้านายไล่หลัง
“ขำอะไรของเธอยะ!”
แล้วมาริสาก็ต้องหุบยิ้ม ในใจนึกหัวเราะเยาะเจ้านาย นังตัวดี โดนเลขาฯ ตัวเองคว่ำปากใส่ยังไม่รู้ตัว
เพราะมัวแต่สนใจอย่างอื่น มาริสาจึงไม่ทันสังเกตว่ามีใครบางคนนั่งอยู่ในห้องแต่แรก เฟื่องฟ้านั่งอยู่บนโซฟาหรู จิบน้ำส้ม มองมาริสาด้วยรอยยิ้มแปลกๆ เหมือนเยาะเย้ยอยู่ในที จนกระทั่งมาริสาหันมาเห็น จึงมองมาทางวิชุดา ซึ่งฝ่ายนั้นเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
แล้วมาริสาก็สังเกตเห็นคุณเปี่ยมสุข สาวใหญ่หัวหน้าฝ่ายบุคคลในชุดสูทเนี้ยบ ผมตีโป่งแบบพร้อมสวมมงกุฎนางสาวไทยได้ทุกเมื่อ และปากทาลิปสติกสีแดงสด ยืนอยู่ใกล้โต๊ะของวิชุดา เจ้าหล่อนหน้าบึ้งพูดกับมาริสาเสียงเฉียบขาด พร้อมกับวางเอกสารบางอย่างลงบนโต๊ะ
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **