“ไม่ได้นะคะวิน ก็ดานัดคุณไว้แล้ว”
วิชุดากระฟัดกระเฟียดอยู่ในห้องทำงานของมาวินหลังเปิดประตูพรวดพราดเข้าไปได้ มาริสาตามไปติดๆ เห็นแล้วส่ายหน้า อย่างกับนางร้ายในละครทีวี พอไม่ได้ดั่งใจก็เอาแต่ใจตัวเอง
“แต่สัญญาทูริสต์ เลซองน่ะต้องรีบเซ็นให้เร็วที่สุด เพราะทิ้งเอาไว้นานแล้ว เรื่องนี้ดาก็รู้นี่ครับ” มาวินยังคงพูดอย่างใจเย็น ถ้าเป็นมาริสาละก็คงไล่ตะเพิดเจ้าหล่อนออกไปแล้ว น่ารำคาญจะตาย
“เพราะเธอ มาริสา! จะไปรับนัดคุณเฉินทำไม เธอก็รู้ว่าฉันเช็กคิวกับเธอแล้ว วินว่าง”
นั่นไง คาดผิดเสียที่ไหน ว่าแล้วว่าต้องมาลงที่หล่อน แต่จะมาเหมาว่าเป็นความผิดของหล่อนได้ยังไง ก็คนมันลืมนี่นา แค่ลืม ไม่เห็นมีอะไรซับซ้อน อีกอย่างเรื่องนี้ก็เรื่องส่วนตัว มาฝากฝังเลขาฯ อย่างหล่อนได้ยังไง เรื่องการเรื่องงาน สัญญาร้อยล้านพันล้านก็ว่าไปอย่าง อย่างกับหล่อนแคร์นักว่าวิชุดาจะได้รับประทานอาหารกลางวันกับมาวินหรือไม่
จะว่าไปก็แอบสะใจ สองคนนี้ไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันบ่อยๆ ขณะที่มาริสาแทบไม่ค่อยได้ออกไปไหนกับเจ้านายด้วยซ้ำ พลาดซะบ้าง ยายตัวดี
“นี่ ยิ้มอะไรน่ะ”
มาริสาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อวิชุดาแหวใส่ ไม่รู้ตัวสักนิดว่าแสดงสีหน้าออกไปให้เห็นชัดเจนขนาดนั้น
“ปะ...เปล่าค่ะ แต่สาว่าที่คุณมาวินพูดก็ถูกนะคะ โพรเจกต์นี้คุยกันมานาน ยังไม่ได้ข้อสรุปสักที ปิดสัญญาได้วันนี้ เราก็จะทำงานเสร็จเร็วขึ้น”
มาวินพยักหน้าเห็นด้วย มาริสาสะใจเป็นที่สุด ขณะที่วิชุดาพร้อมจะออกงิ้วออกโขนได้ทุกเมื่อ
“เอาอย่างนี้ครับ ผมว่าจะกลับออฟฟิศตอนเย็น แล้วเราค่อยไปดินเนอร์กันดีไหม” มาวินเสนอ ซึ่งวิชุดาไม่ได้ตอบรับในทันที ดูออกแหละว่าเล่นตัวมากกว่า ซึ่งไม่เนียนเอาเสียเลย! มาริสาจึงยิ่งนึกหมั่นไส้หนักกว่าเดิม
“ก็ได้ค่ะ วินพูดอะไรไว้ ก็อย่าลืมแล้วกัน”
“ครับผม งั้นดาไปส่งผมที่รถแทนนะครับ”
“ค่ะ” หน้านิ่วคิ้วขมวดเมื่อตะกี้ เปลี่ยนเป็นยิ้มสวยจนซิลิโคนที่คางนูนออกมาเป็นลูกๆ แล้ว ก็ไม่รู้ว่าคางแท้หรือซิลิโคนแหละ เห็นเรียวสวยได้รูปก็ขอเหมาไว้ก่อน
มาริสาลอบเบ้ปากเมื่อแน่ใจว่าสองคนนั้นไม่ได้มองหล่อนอยู่ ไม่ใช่แค่รู้สึกหมั่นไส้ แต่รู้สึกเสียดายน้อยๆ ที่คนที่มาวินแสดงท่าทางงอนง้อนั้นไม่ใช่ตัวหล่อน
“ถอนใจอะไรยะ แม่มาริสา” วิชุดาหันขวับมามองตาเขียว มาริสาไม่รู้ตัวอีกแล้วว่าเผลอถอนหายใจออกไป แหม่ หูไวจริงนะแม่คุณ!
“ยังไงผมฝากด้วยนะครับ เย็นๆ จะกลับมา” มาวินหันมาบอกเลขาฯ ของเขา แล้วหันกลับมาทางวิชุดา “ไปครับดา”
วิชุดาควงแขนมาวินออกไปจากห้อง แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเต็มที่ มาริสากระแทกส้นสูงเดินอ้อมไปปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเจ้านายหนุ่มอย่างไม่สบอารมณ์
แม่วิชุดานั่นก็แค่ลูกสาวคนเดียวของท่านประธาน แค่กรรมการผู้จัดการของห้างฯ นี้ แค่หุ่นนางแบบ แค่หน้าเป๊ะผิวเนียนสวย แค่ลูกคุณหนูแบรนด์เนมทั้งตัว ทำไมมาวินต้องตามใจแม่นั่นด้วย มาริสาเองก็ออกจะ...สวย ก็หล่อนมั่นใจว่าหล่อนสวยนี่นา ทำไมมาวินไม่ชายตามองมาบ้างเลย ทำงานกับเขาร่วมปี เขาควรจะสังเกตบ้างสิ แต่นี่เหมือนเขาไม่รับรู้อะไรเลย
เอาเถอะ! วิชุดาก็แค่ผู้หญิงที่มาเกาะแกะเจ้านายหล่อน ไม่ใช่แฟน หล่อนยังไม่หมดหวังเสียหน่อย อย่าได้แคร์ ตอนนี้กองทัพต้องเดินด้วยท้อง หล่อนหิวแล้ว ไลน์ไปถามรุ่งก่อนดีกว่าว่าจะไปเจอกันที่ฟู้ดคอร์ตพนักงานเลย หรือเจอกันที่ลิฟต์ก่อน
----------
“เมื่อไหร่แกจะตัดใจจากเขาสักทีเนี่ย หา”
นี่เป็นคำพูดที่แม่เพื่อนสาวกรอกหูหล่อนเป็นรอบที่เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าแล้ว ไม่เบื่อบ้างหรือไง ก็รู้ทั้งรู้ว่าหล่อนแอบปิ๊งมาวินตั้งแต่เข้ามาทำงานที่นี่ใหม่ๆ แล้ว แล้วพอรู้ตัวว่าได้ย้ายตำแหน่งมาเป็นเลขาฯ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด หล่อนก็กรี๊ดลั่นอพาร์ตเมนต์จนพี่ชายเข้าใจว่าหล่อนผีเข้า
มาริสา...มาวิน ชื่อออกคล้ายกันขนาดนี้ ยังไงก็ต้องเป็นเนื้อคู่กันสิ บางครั้งหล่อนก็แอบเขียนใส่หลังกระดาษใช้แล้วว่า มาวิน ทรัพย์อนันต์...มาริสา ทรัพย์อนันต์ ดูว่าชื่อของหล่อนกับนามสกุลของเขาเขียนออกมาแล้วดูเป็นยังไง
“นี่ แกฟังฉันอยู่หรือเปล่า”
“อะไรของแกอีก ยายรุ่ง ฉันได้ยินแล้ว แค่คิดอะไรเพลินๆ” มาริสาเบ้หน้า ก่อนจะก้มหน้าก้มตาจัดการกับบะหมี่หมูแดงในชามตัวเอง เวลานี้ฟู้ดคอร์ตพนักงานคนอย่างกับมด เสียงดังจอแจ แล้วไลน์ของหล่อนก็เด้งอยู่ข้างๆ ชาม หญิงสาวหยิบมาเปิดดู
“หึ หมั่นไส้จริง คุณมาวินไลน์มาให้ฉันจองโต๊ะที่ห้องอาหารโรงแรมเดิม ให้เขากับแม่นั่นเย็นนี้”
“ฉันถึงบอกให้แกตาสว่างไง” รุ่งสำทับมาอีก “คุณวิชุดาแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นว่าคิดยังไงกับคุณมาวิน”
นั่นสินะ ระริกระรี้เข้าหาผู้ชายก่อน หน้าด้าน บางครั้งหล่อนแกล้งขัดขวางไม่ให้วิชุดาได้มีเวลาอยู่กับมาวินเสียเลย เพราะอย่างไรตารางเวลาของเขา หล่อนก็รับผิดชอบเสียส่วนใหญ่ แต่ก็ทำได้แป๊บๆ เพราะสุดท้ายสองคนนั้นก็หาเวลาอยู่ด้วยกันได้อยู่ดี และมาวินก็ต้องมีอะไรมาชดเชยให้แม่นั่นตลอด ยิ่งทำให้หล่อนเจ็บกระดองใจ จนหล่อนคร้านจะขัดขวางแล้ว
“รีบทำซะสิยะ” รุ่งเอ่ยขึ้น “แป๊บเดียวก็เย็นแล้ว เดี๋ยวแกก็ลืม แล้วก็โต๊ะเต็มจองไม่ทัน”
“ขอฉันกินก่อนได้ไหม นี่มันเวลาพักของฉันนะ” ไม่รู้แม่รุ่งจะทำตัวดีเป็นพนักงานดีเด่นแห่งปีไปถึงไหน
“ฉันพูดจริงๆ นะ” อีกฝ่ายพูด ส่งสายตาประกาศออกมาชัดเจนว่าฉันรู้ทันแก “ไม่อยากให้แกทำอะไรโง่ๆ แบบครั้งก่อนๆ ฉันรู้จักแกดี ถ้าแกไม่แกล้งลืม แกก็จะปล่อยเอาไว้จนลืมจริงๆ แล้วโต๊ะที่ห้องอาหารก็จะเต็ม”
“ก็ดีไม่ใช่เหรอ” มาริสายักไหล่ ตาเป็นประกาย “ไม่อยากเห็นเพื่อนสมหวังหรือไงจ๊ะ”
“มุกเดิมๆ ไม่เบื่อบ้างหรือไง แกก็รู้ สุดท้ายเขาก็ต้องไปดินเนอร์กันอยู่ดี แต่แกน่ะจะโดนเล่นงาน”
มาริสาจำได้ มาวินใช้หล่อนจองโต๊ะแบบนี้หลายครั้ง ถ้าอารมณ์ดีหล่อนก็จองให้ อารมณ์ไม่ดีหล่อนก็แกล้งลืม แต่ก็ไม่เคยทำเดตของสองคนนั่นล่มได้สักที มีอยู่ครั้งหล่อนจงใจไม่จองโต๊ะร้านอาหารอิตาเลียนแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าโต๊ะเต็ม ทั้งสองคนขายหน้าที่ไม่มีรายชื่อจองที่ร้าน ร้านอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียงก็ไม่เข้าตาวิชุดา แต่หล่อนมารู้ทีหลังว่ามาวินพาวิชุดาไปกินแมคโดนัลด์แถวนั้นแทน ซึ่งถึงมันจะไม่ได้หรูอะไร แต่วิชุดาก็ยังอัปสเตตัสบนเฟซบุ๊กอวดชาวบ้านว่ามาวินเป็นผู้ชายที่บางทีก็คาดเดาไม่ได้ บทจะติดดินก็ติดดินได้อย่างโรแมนติกซะไม่มี
แหวะ จะอ้วก คนที่เขาน่าจะพาไปเลี้ยงเฟรนช์ฟรายส์ควรเป็นหล่อนมากกว่า
มิหนำซ้ำวันต่อมา วิชุดาก็มาเหวี่ยงหล่อนถึงโต๊ะทำงานที่ไม่จองโต๊ะให้ ทำเอามาริสาหน้าชา ทั้งๆ ที่ตัวเองมีความสุขกับมาวินไปแล้ว ยังจะมาเอาเรื่องอะไรกับหล่อนอีก กะอีแค่หล่อนพยายามเป็นมารคอหอยแค่นั้น
“แล้วแกก็ทำผิดไว้หลายคดี อย่าลืมสิ ไม่กลัวโดนปลดกลับไปอยู่ตำแหน่งเดิมหรือไง”
ก็จริง ตั้งแต่ทำงานมา มาริสาโดนด่าไม่เว้นแต่ละวัน มาวินไม่ค่อยด่าหรอก แต่เจ้านายคนอื่นกับป้าเปี่ยมสุข หัวหน้าฝ่ายบุคคลนี่ด่ายับ เรื่องหล่อนทำงานไม่เสร็จบ้าง ติดต่อประสานงานผิดพลาดบ้าง
“ไม่มีทางย่ะ” มาริสายังคงเข้าข้างตัวเอง “คุณมาวินไม่มีทางให้ฉันโดนเด้งหรอก เพราะฉันเข้ากับเขาได้ดีที่สุดแล้ว ไม่เห็นหรือไง เขาไม่เคยตำหนิฉันสักครั้ง”
“เรื่องมโนนี่ต้องยกให้แกจริงๆ” รุ่งคว่ำปากใส่ “ก็เพราะว่าเขาเป็นพ่อพระไง เวลามีปัญหาอะไรที่แกก่อไว้ เขาถึงได้ตามแก้ให้ทุกครั้ง”
มาริสาหน้ายู่ ถึงมันจะเป็นความจริง แต่ยายรุ่งก็ไม่จำเป็นต้องพูดออกมาดังๆ ก็ได้
“เอาเถอะ นี่อิ่มแล้วใช่ไหม จะได้ไปช็อปเป็นเพื่อนฉัน”
“จะดีเหรอ” จากที่กำลังเทศนาเพื่อน พลันเสียงอ่อนลงรวบช้อนส้อมในมือ มาริสารู้จักเพื่อนดี ปากบอกจะดีเหรอ แต่มือนี่เตรียมควักบัตรเครดิตออกมารูดแล้ว
“ครั้งก่อนฉันตามแกไปช็อปเวลาเบรก เข้างานสายไปเกือบครึ่งชั่วโมง ท่านประธานสวดฉันไม่รู้กี่บท”
มาริสายิ้มกว้างให้เพื่อนสาว แล้วรวบตะเกียบกับช้อนในมือบ้าง จากนั้นทั้งคู่ก็เหมือนกับวิ่งแข่งไปเก็บถ้วยชามตรงสายพาน
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **