ทดลองอ่าน อลเวงนัก รักของมาริสา : ตอนที่ 1

 

 

ตอนที่ 1

 

 

มาริสายกแปรงขึ้นปัดแก้มพลางส่องกระจกตลับแป้ง จริงๆ หล่อนก็เห็นอยู่นะว่าคนอื่นๆ ทั้งชั้นต่างก็มีงานยุ่ง โต๊ะเลขาฯ หน้าห้องของหล่อนก็ใช่ย่อย สารพัดแฟ้มงานกองอยู่ใกล้ๆ กับคอมพิวเตอร์ที่เปิดหน้าจอเฟซบุ๊กอยู่ แต่นี่ยังเช้า จะรีบหัวหมุนไปทำไมกัน

จะว่าไปถ้าหล่อนตื่นเช้ากว่านี้ก็คงมีเวลาแต่งหน้ามาพร้อม แต่แหม ชีวิตคนเมืองกรุงทุกวันนี้ก็เร่งรีบพออยู่แล้ว จะตื่นมาแข่งกับนกกาอีกทำไม

“อ้าว นี่ ยายรุ่ง จะไปไหน” มาริสาวางเครื่องสำอางลงแล้วร้องเรียกเพื่อนสนิทที่กำลังจ้ำพรวดๆ ผ่านมา

“อ้าว สา” รุ่งทักตอบ “ฉันกำลังจะเอารายงานการประชุมครั้งก่อนไปให้ท่านประธาน เอาสตาร์บัคส์แก้วนี้ไปให้ด้วย เมื่อเช้าฉันไม่เห็นแกเลย มาสายอีกแล้วเหรอ”

“ก็นิดหนึ่งน่ะ” มาริสาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “แกมาก็ดี ฉันขอเมาท์หน่อย ตกลงยายอินฟอร์เมชันกับพนักงานแผนกชุดชั้นในห้างฯ เราน่ะ มันยังไง ฉันเห็นสเตตัสทั้งสองคนในเฟซฯ แล้วนะ”

“ฉันก็ไม่รู้ว่าพวกนางเกาเหลาอะไรกันนะ แต่ฉันว่า...”

จากนั้นก็ยาว... รุ่งวางของในมือลงบนโต๊ะมาริสา ฝ่ายเจ้าของโต๊ะก็ลากเก้าอี้มาให้เพื่อนนั่ง ทั้งคู่ซุบซิบนินทาพนักงานคนอื่นๆ ในห้างฯ โนเอล อย่างออกรส ก็ห้างสรรพสินค้าที่พวกหล่อนทำงานนั่นแหละ ใช่ว่าคนผ่านไปผ่านมาจะไม่รู้ว่าทั้งคู่ไม่ได้กำลังทำงาน แต่ทุกคนชินกับภาพที่เห็นแล้ว

“ไม่รู้นางเบรกตรงกับพวกเราหรือเปล่า” รุ่งยังคงเมาท์ต่อแม้ว่าเวลาจะผ่านไปเกือบสิบนาทีแล้วก็ตาม “ฉันว่าจะชวนนางไปกินข้าวด้วย”

“เรื่องซอกแซกเรื่องของแม่นั่นน่ะ เอาไว้ก่อน” มาริสาท้วง “แกลืมแล้วเหรอว่าวันนี้แผนกเสื้อผ้าลดแปดสิบเปอร์เซ็นต์ หลายไอเท็มด้วย”

“ว้ายตายแล้ว! ฉันลืมไปได้ยังไง ดูซิ คุยกันจนคอแห้งไปหมดละ” พูดจบฝ่ายที่พูดเป็นต่อยหอยก็คว้าเครื่องดื่มใกล้มือมาดื่มอึกใหญ่

มาริสาเห็นเต็มสองตา เลิกคิ้วขึ้น สีหน้างงงวย “อร่อยไหมล่ะนั่น”

“ก็อร่อยนะ ลาเต้จากสตาร์บัคส์เชียว”

“ได้ข่าวว่านั่นของท่านประธานไม่ใช่เหรอ”

รุ่งถือแก้วอยู่มองตาโต เอามืออีกข้างปิดปากตัวเองทันก่อนที่จะสบถอะไรออกมา จากนั้นก็ผลักแก้วออกไปไกลตัวราวกับนั่นเป็นหลักฐานชิ้นโตในที่เกิดเหตุอาชญากรรม มาริสาพลอยสะดุ้งตาม แล้วนี่ยายรุ่งจะผลักแก้วมาหาหล่อนทำไม

“ฉันจะทำยังไงดีล่ะแก” รุ่งหน้าซีดเหงื่อตก

“จะไปรู้เหรอ แกกินเข้าไปทำไมล่ะยะ”

“ก็แกชวนฉันเมาท์อยู่นั่นแหละ”

“อ้าว อย่ามาโทษฉันสิ”

สองคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แล้วรุ่งก็พูดต่อ “นี่มันกี่โมงเข้าไปแล้ว ป่านนี้ท่านประธานชะเง้อรอแฟ้มจนคอยาวเป็นยีราฟแล้วมั้งเนี่ย ไหนจะกาแฟอีก”

“เอาอย่างนี้” มาริสาเสนอ “แกจิบไปไม่เยอะใช่ไหม รีบเอาไปอุ่นที่ไมโครเวฟ แล้วก็เอาไปให้ท่านประธานก็ได้ บอกว่าคนต่อแถวสตาร์บัคส์ยาวถึงนอกห้างฯ หรืออะไรก็ว่าไป แต่รีบๆ หน่อยก็ดี”

รุ่งคว้าแก้วกับแฟ้มขึ้น พยักหน้าหงึกๆ เกือบจะโพล่งออกไปแล้วว่าเห็นด้วย ถ้าเสียงด้านหลังไม่ดังขึ้นเสียก่อน

“ไอเดียดีนะ มาริสา”

“ท่านประธาน!” มาริสาถึงกับร้องเสียงหลงออกมาก่อนจะตั้งสติได้เสียอีก และคนที่สะดุ้งเฮือกตามมาคือรุ่ง รายนั้นค่อยๆ หันไปด้านหลัง แล้วก็พบกับเจ้านายยืนแยกเขี้ยวอยู่

“กี่ครั้งแล้วล่ะ ที่คุณกินกาแฟของผม หา!” ท่านประธานดุเลขาฯ ของตนเองเสียงเขียว เขาเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนแต่ผึ่งผาย ท่าทางเหมือนคุณลุงใจดี แต่สำหรับมาริสาและรุ่ง ท่านประธานเหมือนครูโรงเรียนประจำดัดสันดานมากกว่า

“เปล่านะคะ ดิฉันไม่เคยเลยค่ะ” รุ่งลนลานโบกไม้โบกมือปฏิเสธยกใหญ่ “เมื่อกี้..เมื่อกี้แค่เผลอชิมไปนิดเดียวเองค่ะ เดี๋ยว...เดี๋ยวดิฉันไปซื้อให้ใหม่นะคะ ลงลิฟต์ไปแป๊บเดียว”

“ไม่ต้อง ผมไม่กินแล้ว รีบหิ้วรายงานตามผมมาเดี๋ยวนี้”

ท่านประธานหน้าเข้มเสียงเข้ม ทำเอาสองเลขาฯ สาวเสียวสันหลังไปตามๆ กัน

“ส่วนคุณ คุณมาริสา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่ผมเห็นคุณชวนเลขาฯ ผมเถลไถล ว่างงานนักหรือไง เมโมนัดหมายประชุมครั้งต่อไปน่ะทำหรือยัง ทำไมผมไม่เห็นหัวหน้าแผนกเขาได้รับ”

ตาย! ตายโหง! มาวิน เจ้านายของหล่อนสั่งให้ทำตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้า แล้วพรุ่งนี้เช้าเขาจะประชุมกันแล้ว ตาย! ตายสถานเดียว!

“ค่ะๆ ทำเดี๋ยวนี้ละค่ะ” มาริสาลนลาน ไม่รู้จะทำอะไรก่อนอะไรหลังดี โต๊ะก็รกไปหมด ขอจัดการกับคอมพิวเตอร์ก่อนแล้วกัน หน้าเฟซบุ๊กหราแทบจะทิ่มตาท่านประธานอยู่แล้ว ว่าแต่ไอ้หน้าเฟซบุ๊กเจ้ากรรมนี่ทำไมมันปิดไม่ได้นะ หล่อนกดรัวๆ หลายครั้งแล้วนะ

“แล้วนั่นคุณทำอะไรของคุณน่ะ” ท่านประธานเท้าสะเอว มองมาริสาอย่างไม่เข้าใจ

“กำลังจะออกจากหน้าเฟซฯ น่ะค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าก้มตาเอานิ้วจิ้มๆ ไปที่หน้าจออย่างหมดหวัง ขอให้ท่านประธานอย่าด่าเรื่องเล่นเฟซบุ๊กในเวลางานอีกเรื่องเลย

“นี่ ยายสา” รุ่งสะกิดเพื่อนสาว “ใช้เมาส์ดีกว่าไหม”

แทบตกเก้าอี้ มาริสาชักมือที่จิ้มๆ หน้าจอแอลซีดีเมื่อกี้ออกแทบไม่ทัน ลืมไป นี่ไม่ใช่แท็บเล็ตหรือสมาร์ตโฟนระบบทัชสกรีน หล่อนหันมายิงฟันขาวให้ท่านประธานและรุ่ง หน้าแดงไปหมดด้วยความอาย

ท่านประธานส่ายหน้าแล้วเดินจากไป ปากบ่นพึมพำอะไรสักอย่างคล้ายๆ ว่า ปัญญาอ่อน ส่วนรุ่งก็หอบแฟ้มเดินตามไปต้อยๆ

มาริสาเลื่อนเมาส์ปิดหน้าจอเฟซบุ๊กแล้วถอนใจเฮือกใหญ่ โชคดีที่หล่อนไม่โดนว่าเรื่องเล่นเฟซบุ๊ก จากนั้นก็กวาดเครื่องสำอางลงกระเป๋า แต่ก่อนจะจัดการกับเอกสารต่างๆ ที่วางเกลื่อน หล่อนยังคงเห็นหลักฐานชิ้นโตบนโต๊ะ ทำให้หน้ามุ่ยอีกครั้ง

“แล้วฉันต้องเอากาแฟที่แกกินแล้วไปเก็บใช่ไหมเนี่ย”

----------

กริ๊ง! กริ๊ง!

อะไรอีกล่ะทีนี้ หล่อนเพิ่งจะหาแบบฟอร์มเมโมเจอหลังจากเคลียร์โต๊ะทำงานไปยกหนึ่ง พอกำลังจะเขียนเมโม ใครก็ไม่รู้ดันโทร.มาหาตอนนี้

“สวัสดีค่ะ ออฟฟิศคุณมาวินค่ะ”

“สวัสดีครับ ผมเฉินคุนนะครับ จากเดอะทริปเปิล เอเจนซี” เสียงปลายสายตอบกลับมาเป็นภาษาจีนกลาง เพราะจำเสียงของคู่สนทนาได้

แหม นึกว่าใคร ที่แท้ก็คุณเฉินสุดหล่อจากแดนมังกร มาริสาคิดในใจ “ค่ะคุณเฉิน มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” หญิงสาวตอบกลับไปด้วยภาษาจีนกลางอย่างสละสลวย

“เมื่อวานที่ผมโทร.มาแคนเซิลนัดบ่ายนี้ ผมขอเปลี่ยนได้ไหมครับ บ่ายโมงครึ่งผมอยากจะพบคุณมาวินเหมือนเดิม”

นึกว่าเรื่องอะไร เมื่อวานเฉินคุนโทร.ทางไกลมาบอกว่าเลขาฯ เขาจองตั๋วกลับเมืองไทยให้ไม่ทัน จึงจำเป็นต้องเลื่อนนัดของมาวินไปก่อน

“ตอนนี้คุณเฉินอยู่ไทยแล้วเหรอคะ”

“ครับ ไม่ทราบว่าคุณมาวินยังว่างเหมือนเดิมหรือเปล่า”

“อ้อ ว่างสิคะ” คนอะไรไม่รู้ เสียงหล่อชะมัด หล่อนคุยโทรศัพท์ไปก็เคลิ้มไป

“ต้องขอโทษทีนะครับ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ยังไงผมขอถือโอกาสนี้เลี้ยงอาหารกลางวันคุณมาวินด้วยเลยนะครับ เดี๋ยวเซ็นสัญญากันก่อนที่ ล็อบบี้โรงแรม... แล้วรับประทานอาหารกันต่อที่ห้องอาหาร”

“ได้ค่ะ ดิฉันจะเรียนคุณมาวินให้ค่ะ”

“ขอบคุณครับ”

เฉินคุนวางสายไปแล้ว แต่มาริสายังคงม้วนผมไปมา หล่อนเคยเจอนักธุรกิจชาวจีนคนนี้ตอนที่แวะเข้ามาที่ออฟฟิศเรื่องสัญญาที่จะจัดให้มี ‘ทูริสต์ เลซอง’[1] มาประจำจุดแจกพรีเมียมการ์ดของห้างฯ ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผิวขาว คิ้วเข้ม ยิ้มฟันสวยสะกดใจ แล้วหล่อนจะไม่เคลิ้มได้อย่างไร

แต่ก็แค่ชื่นชมตามประสาสาวโสด คนที่หล่อนชอบจริงๆ น่ะเหรอ อยู่ใกล้ๆ นี่เอง แต่ไม่รู้ทำไมทอดสะพานให้หลายต่อหลายครั้งแล้ว เขาก็ยังไม่หันมาแลสักที

วันนี้ยังไม่ได้คุยกันเลย แถมหล่อนยังมาสายด้วย ว่าแล้วก็ยกหูโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้น...แต่ไม่เอาดีกว่า อยากเห็นหน้าเขามากกว่า

มาริสาหยิบตลับแป้งมาส่องกระจกเช็กความสวยเป๊ะของใบหน้าตนเอง ก่อนจะลูบผมเผ้าแล้วเดินไปเคาะประตูห้องทำงานเขา พอได้ยินเสียงตอบรับจากคนด้านในหล่อนก็ผลักประตูเข้าไป

“สวัสดีครับ คุณมาริสา” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากเงยหน้าจากแฟ้มเอกสารบนโต๊ะและสังเกตเห็นว่าใครเข้ามา

เฉินคุนก็เฉินคุนเถอะ! ชิดซ้ายไปเลยเมื่อเจอเขาคนนี้ ใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลา เครื่องหน้าหล่อเหลา ผมสั้นเซตไว้อย่างเท่ ไหนจะสูทกับเนกไทที่เข้าชุดกันสุดเนี้ยบ แล้วที่สำคัญ ไม่รู้ทำไมหล่อนถึงรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูกทุกครั้งที่เขาเรียกชื่อหล่อน ทั้งๆ ที่ทำงานให้เขามาเกือบปี เขาก็เรียกชื่อเลขาฯ ของเขาแทบทุกวัน

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

มาริสายิ้มเก้อๆ เล็กน้อย มัวแต่ยืนจ้องหน้าเขาแทนที่จะพูดธุระ “เอ่อ เมื่อครู่คุณเฉินคุนโทร.มาค่ะ บอกว่าอยากจะขอพบคุณมาวินตามเวลาที่นัดไว้เหมือนเดิม บ่ายโมงครึ่ง ที่ล็อบบี้โรงแรมเดิม”

มาวินคลี่ยิ้ม พยักหน้าน้อยๆ โอย...อย่ายิ้มแบบนี้ได้ไหม เขาไม่รู้หรือไงว่ามาริสาแพ้ผู้ชายยิ้มหวานฟันสวย ละลายไปหมดแล้ว มือไม้ไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหน ไม่เอานะ ไม่เอานิ้วม้วนผมนะ อย่าลืมตัวสิ!

“ก็โอเคนะครับ ว่าแต่บ่ายนี้ผมไม่มีธุระอะไรใช่ไหม”

นั่นสิ คงไม่ละมั้ง ตารางเวลานัดหมายก็ดันลืมหยิบเข้ามาเสียด้วย คงไม่มีหรอก คิดว่านะ เพราะหล่อนเช็กตารางไปแล้วรอบหนึ่งเมื่อวาน

“ไม่มีค่ะ แล้วคุณเฉินก็ยังเชิญคุณมาวินทานอาหารกลางวันต่อเลย ไม่ทราบว่าสะดวกหรือเปล่าคะ”

“ได้ครับ วันนี้ผมไม่มีงานต้องเคลียร์มาก แต่อาจจะกลับออฟฟิศเย็นๆ อีกที ยังไงฝากทางนี้ช่วงบ่ายไว้ด้วยนะครับ”

“แน่นอนค่ะ”

เลขาฯ สาวหมุนตัวจะกลับไปนั่งทำงานต่อ พลันเจ้านายของหล่อนก็เรียกอีก

“คุณมาริสาครับ”

“คะ?” มาริสาหันขวับ จงใจสะบัดเรือนผมโปรยเสน่ห์ ก็บอกแล้วว่าอย่าทำให้หล่อนต้องทอดสะพาน ว่าแต่เขามีอะไรจะสั่งเพิ่มเติมหรือเปล่า

หรือว่าเขาตัดสินใจจะพามาริสาไปพบลูกค้าด้วย แล้วจากนั้นก็ไปดินเนอร์กันต่อ มาบอกกะทันหันแบบนี้ มาริสาจะไปเตรียมตัวทันได้ยังไง นั่งรถไปกันสองต่อสองกับเจ้านายหนุ่ม หล่อนต้องเลือกกลิ่นน้ำหอมที่ทำให้เขาจดจำ แต่ไม่ฉุนจนเกินไป แต่วันนี้ไม่ได้พกน้ำหอมติดกระเป๋ามาเสียด้วย ไหนจะผมที่ยังไม่ได้สระ แต่ไม่เป็นไร อีกเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงเวลา วันนี้วันธรรมดา ซาลอนในห้างฯ คงคิวไม่เยอะ อีกอย่างหล่อนว่าน่าจะขอยืม...

“ขอกาแฟให้ผมสักแก้วได้ไหมครับ”

“ค...คะ?” หญิงสาวยืนงงกับคำสั่งที่ดับมโนภาพของหล่อนภายในเศษหนึ่งส่วนพันวินาที

“กาแฟครับ” เจ้านายรูปหล่อทวนคำสั่ง “ขอกาแฟให้ผมสักแก้ว”

กาแฟ? หมดกัน ฝันหวานของมาริสา แค่ให้ชงกาแฟเท่านั้นหรือ โธ่เอ๋ย...จะมีอะไรน้ำเน่าไปกว่าเลขาฯ ชงกาแฟให้เจ้านายอีก มาริสาก็นึกไปไกลว่าวันนี้คงได้ติดสอยห้อยตามมาวินออกไปข้างนอกกันสองต่อสองเสียแล้ว

หญิงสาวตอบรับก่อนจะไปทำตามคำสั่งที่ได้รับมา ตรงไปยังห้องแพนทรีและจัดการกับเครื่องชงกาแฟสดอย่างคุ้นเคย มาริสาหวังเหลือเกินว่าจะมียาเสน่ห์ใส่ลงไปในคาปูชิโนร้อนฟองนุ่มนี่ แต่ตอนนี้สิ่งที่มีก็แค่ใจใส่ให้ไป

เมื่อกาแฟหอมกรุ่นมาเสิร์ฟ มาวินนั้นวุ่นอยู่กับกองเอกสารบนโต๊ะไม่ได้เงยหน้ามองมาริสา เขาเพียงขอบคุณสั้นๆ จนมาริสาต้องเดินออกไปเองเพราะไม่อาจชวนคุยอะไรต่อ

มาริสากลับมานั่งทำงานที่โต๊ะอย่างไม่ค่อยมีสมาธินัก ในใจมาดหมายว่าวันหนึ่งตนจะต้องได้ทำมากกว่าชงกาแฟให้ชายหนุ่ม ตอนนี้ได้แต่มองในแง่บวกไว้ก่อนว่าส้มหล่นแค่ไหนแล้วที่หล่อนได้พ้นจากตำแหน่งเก่า พนักงานฝ่ายพีอาร์ของห้างฯ มาเป็นเลขาฯ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด

แต่ก่อนมาริสาได้แต่เฝ้ามองมาวินอยู่ห่างๆ มองเขาเป็นชายหนุ่มที่หล่อนมิอาจเอื้อมถึง ครั้งแรกที่เจอกันมาวินก็สะกดใจหล่อนแล้ว วันนั้นที่หล่อนต้องไปติดต่อฝ่ายบุคคลเรื่องงาน หล่อนแอบใช้ลิฟต์วีไอพีเพื่อจะได้ตรงดิ่งไปยังชั้นปลายทางได้เลย ทำให้หล่อนเจอกับเขา...เจ้าชายรูปงามร่างสูง ก้าวเข้ามาในลิฟต์โดยสารไปกับหล่อนเพียงสองคน

ด้วยเครื่องหน้าหล่อเหลาราวพระเอกเกาหลีก็ไม่ปานทำให้มาริสาอ้าปากค้างละสายตาไปจากเขาไม่ได้ แอบมองซีกหน้าของเขา มองสันจมูกโด่งตรง ริมฝีปากบาง คิ้วเข้มพาดเฉียงเหนือดวงตาเป็นประกายที่กำลังมุ่งสนใจอยู่กับการคุยงานบนโทรศัพท์มือถือ จนกระทั่งชายหนุ่มเริ่มรู้ตัวว่าถูกแอบมองและเงยหน้าขึ้น เป็นจังหวะที่ประตูลิฟต์เปิดพอดีพร้อมกับบุคคลที่สามที่ก้าวเข้ามา

มาริสารีบหลบหน้าหลบตาทำเป็นไม่ได้มองเขา ขณะที่บุคคลที่สามทักทายพูดคุยกับเขา และเรียกเขาว่าคุณมาวิน นั่นทำให้มาริสาได้รู้ชื่อของเจ้าชายรูปงามที่ขโมยใจหล่อนไปเต็มๆ และรู้ด้วยว่าคุณมาวินคนนี้ทำงานที่ออฟฟิศของห้างฯ โนเอลนี่เอง และเมื่อพิจารณาการแต่งกายของเขาแล้ว คงตำแหน่งสูงไม่เบา ลักษณะการพูดจาพาทีกับเพื่อนร่วมงานก็มีเสน่ห์ต้องตาไม่แพ้ใบหน้า

ทั้งรูปหล่อ ทั้งตำแหน่งการงานดีแบบนี้ โจทย์ยากสำหรับมาริสาเสียแล้ว แต่หล่อนก็ยังไม่หมดหวังเสียทีเดียว หญิงสาวหาเรื่องไปใช้ลิฟต์วีไอพีบ่อยๆ และแวะชั้นที่มาวินขึ้นไปในวันนั้น เผื่อจะโฉบเจอและได้แอบมองเขาอีก จนบางวันเกือบโดนหัวหน้าเล่นงานที่แว่บหายไปบ่อยเกิน

ไม่บ่อยนักที่มาริสาจะได้เห็นมาวิน ส่วนฝ่ายมาวินคงจะไม่เคยรับรู้ว่ามาริสามีตัวตน ไม่เคยเห็นหญิงสาวอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ มาริสาซอกแซกสืบจนรู้ว่ามาวินเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดของห้างฯ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับแผนกที่หล่อนทำงานโดยตรง คงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกันนอกจากแอบมองเขาอยู่ห่างๆ อย่างนั้น

แล้ววันหนึ่ง ความหวังที่ริบหรี่ของมาริสาก็มีแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นมา เมื่อฝ่ายบุคคลประกาศหาเลขาฯ คนใหม่ของผู้จัดการฝ่ายการตลาด เนื่องจากคนเก่าได้ลาออกไปทำงานที่อื่น หล่อนรีบยื่นใบสมัครแทบไม่ทัน ใครจะว่าเทตำแหน่งเก่าก็ได้ แต่เวลานั้นตำแหน่งของหล่อนก็มีเด็กจบใหม่รอเสียบแทนเยอะจะตาย มาริสามุ่งมั่นว่าจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เป็นเลขาฯ ของเขา ถ้าเล่นไสยศาสตร์ใส่คู่แข่งที่มาสมัครตำแหน่งนี้ได้คงทำไปแล้ว!

หัวหน้าฝ่ายบุคคลและมาวินลงมาสัมภาษณ์มาริสาด้วยตนเอง วันนั้นถึงแม้มาริสาจะประหม่ามากเพราะเป็นวันแรกที่มาวินเห็นหล่อนอยู่ในสายตา มองตาหล่อนตรงๆ จนใจเต้นไม่หยุด แต่หล่อนก็แสดงละครตามที่ซักซ้อมเตรียมมาได้ดีสำหรับการพูดคุยเรื่องการทำงานและทัศนคติ

ในที่สุดโชคชะตาฟ้าก็เป็นใจ หรือเห็นใจมาริสาไม่รู้ การตัดสินใจไฟนอลเป็นของมาวิน และเขาก็เลือกหล่อน! ทั้งสองคนลงความเห็นว่าระดับภาษาอังกฤษและภาษาจีนของมาริสาอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ส่วนมากคนที่มาสมัครตำแหน่งนี้มักจะเชี่ยวชาญเพียงภาษาเดียว อย่างเลขาฯ คนก่อนแข็งภาษาอังกฤษ แต่ภาษาจีนได้แค่งูๆ ปลาๆ เวลาประสานงานบางครั้งจึงต้องใช้ล่ามช่วย ถ้ารับมาริสามาทำงานก็จะเป็นประโยชน์แก่มาวินมาก เพราะว่าปัจจุบันนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากประเทศจีนมีมากขึ้น ฝ่ายการตลาดของห้างฯ โนเอลจึงจำเป็นจะต้องมีบุคลากรที่ได้ภาษาจีนอยู่บ้าง ไม่เสียแรงที่สมัยมัธยมมาริสาบ้าดาราจีนกับไต้หวัน ไม่นึกว่าอานิสงส์ของการเป็นติ่งในวันนั้นจะหนุนนำให้หล่อนสมหวังในวันนี้

แล้วดูเหมือนมาวินจะประทับใจในความสวยของหล่อนด้วย สังเกตได้จากการที่เขามองหล่อนไม่ละสายตา...อย่างน้อยมาริสาก็มั่นใจว่าอย่างนั้น คุ้มค่ามากๆ ที่วันสัมภาษณ์หญิงสาวลงทุนช็อปเสื้อผ้าชุดสวยชุดใหม่ เข้าร้านทำผม และพรมน้ำหอมราคาแพงหูฉี่ สิ่งที่มาริสาต้องทำต่อให้สำเร็จก็คือให้เขาหันมาสนใจหล่อน

ทุกอย่างคงราบรื่นไม่มีอุปสรรค เพียงแต่ว่า...

เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นหินอ่อนทำให้มาริสาตื่นจากภวังค์ ร่างสูงระหงในชุดกระโปรงเข้ารูปคลุมเข่าเดินกรีดกรายผ่านโต๊ะทำงานของมาริสาไป และกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องทำงานของเจ้านายหล่อน ร้อนถึงเลขาฯ สาวต้องเอ่ยขึ้น

“เดี๋ยวค่ะ”

วิชุดาชะงัก หันขวับมามอง

“อะไรยะ” เสียงตอบรับอย่างไม่เป็นมิตรนั้นเป็นสิ่งที่มาริสาคุ้นชินดี แต่ก็อดจะหมั่นไส้ไม่ได้

ก็จะไม่ให้หมั่นไส้ได้ยังไง ในเมื่อแม่คนนี้เป็นศัตรูหัวใจตัวฉกาจของหล่อน เป็นผู้หญิงที่มาติดพันเจ้านาย แถมยังพ่วงตำแหน่งลูกสาวคนเดียวของท่านประธานอีก!

อย่างไรก็ตาม เลขาฯ สาวปั้นยิ้มตอบไป

“คุณวิชุดามีธุระอะไรหรือคะ” มาริสาถามแล้วก้มมองนาฬิกาข้อมือ นี่ก็พักเที่ยงพอดี มาวินควรเผื่อเวลาไปพบเฉินคุน แม่นี่ช่างมาไม่รู้เวล่ำเวลาเสียจริงๆ เห็นทีต้องไล่กลับอย่างสุภาพ แต่ เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ...

“เคลียร์ตารางช่วงบ่ายของวินเอาไว้ด้วย ฉันขอจองตัวเขาไปทานข้าว แล้วจะกลับเลตหน่อย”

ตายละ! มาริสาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวิชุดาโทรศัพท์มาหาเมื่อวาน ตอนนั้นหล่อนได้แต่เออออไป เนื่องด้วยเห็นว่าเฉินคุนแคนเซิลนัดไปแล้ว ก็ว่าจะ แจ้งมาวินอยู่เหมือนกัน แต่ใครไม่รู้ดันโทรศัพท์เข้ามาหลังจากนั้นอีกสาย ตกลง...

“นี่ ก็ฉันนัดกับวินเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วไงยะ!”

 

 

** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com