ทดลองอ่าน ซีรีส์ร้อยเล่ห์เสน่ห์จันทน์ : มาลีเริงไฟ : ตอนที่ 9

 

 

ตอนที่ 9

 

 

คล้อยหลังเจิมจันทร์กลับออกไปแล้ว พยาบาลสาวก็เข้ามาทำความสะอาดร่างกายและเปลี่ยนผ้าปูเตียงให้ญานีน

“ทำไมคุณถึงไม่ให้ดิฉันบอกคุณพ่อคุณแม่ว่าคุณรู้สึกตัวแล้วล่ะคะ” ระหว่างที่เช็ดตัวให้ พยาบาลก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย

“หนึ่งอยากเซอร์ไพรส์ท่านน่ะค่ะ แล้วก็ต้องขอร้องไม่ให้พี่เอมบอกใครในบ้านหลังนี้เด็ดขาดด้วยนะคะ” ญานีนสวมบทบาทเป็นวิรัลยาในสาย ตาของพยาบาลต่อไป

พยาบาลสาวพยักหน้า ทำสีหน้าหวาดกลัว

“พี่ไม่กล้าบอกใครหรอกค่ะ ไม่อยากเสี่ยงตกงานตอนนี้”

ญานีนยิ้ม คำว่าไม่อยากเสี่ยงตกงาน มาจากคำขู่ของคุณยายของหล่อนนั่นเองที่บอกให้คนตรงหน้าหุบปากให้สนิทเรื่องที่หล่อนรู้สึกตัวแล้ว แลกกับการที่จะไม่เอาผิด เรื่องที่เป็นพยาบาลรักษาสัตว์ แต่ดันมาดูแลคน!

“ขอบคุณค่ะ แต่หนึ่งคงให้พี่ช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้ไม่นานหรอกค่ะ อีกไม่นาน หนึ่งก็จะออกไป ‘เซอร์ไพรส์’ ทุกคนแล้ว”

“โอเคค่ะ เช็ดตัวเสร็จแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็นอนพักเสียนะคะคุณหนึ่ง ถึงแม้ระบบร่างกายส่วนอื่นคุณจะไม่ได้เสียหาย แต่คุณผอมมากเหลือเกิน ต่อไปนี้ พี่จะเอากับข้าวเข้ามากินในนี้ คุณจะได้กินด้วย” ว่าพลางก็ค่อยๆ ประคองร่างผอมบางให้นอนลงบนเตียงที่สะอาดสะอ้าน

“ขอบคุณมากค่ะ”

จากนั้นพยาบาลสาวก็หอบผ้าปูเตียงกับผ้าเช็ดตัว หายออกจากห้องไป เมื่อประตูปิดลง...ญานีนก็ปล่อยให้น้ำตารินไหลออกมา

มันเป็นน้ำตาแห่งความน้อยอกน้อยใจและความคั่งแค้น

----------

สองปีก่อน...

จู่ๆ วิญญูก็มีประกาศิตลงมาว่าให้หล่อนแต่งงานกับอัคนี ลูกชายบุญธรรมของท่านและ...เป็นผู้ชายที่หล่อนแอบรักมาตั้งแต่เด็ก

หล่อนไม่รู้ว่าบิดาคิดอะไร ในเมื่ออัคนีรักอยู่กับวิรัลยา พี่สาวต่างมารดาผู้เป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของหล่อนอยู่แล้ว ถึงหล่อนจะรักอัคนีและเกลียดวิรัลยายิ่งกว่าอะไร แต่การแต่งงานก็ควรเกิดจากความรัก

‘หนูไม่แต่ง!’ หล่อนยืนยันเสียงหนักแน่นที่สุดในชีวิต

‘แต่แกต้องแต่ง เดี่ยวเขาตกลงแล้ว แกก็ต้องตกลงด้วย’

หล่อนมองไปทางอัคนี ก็เห็นเขายืนขบกรามแน่นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาคงทุกข์ทรมานมากที่ต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาเกลียดอย่างหล่อน หล่อนจึงพยายามคัดค้านเต็มกำลัง โดยมียายช่วย

แต่บิดาถึงกับยื่นคำขาดจะตัดพ่อตัดลูกกับหล่อนถ้าไม่ยอมตอบตกลง ซึ่งหมายความรวมถึงทรัพย์สมบัติทั้งหลายที่หล่อนควรได้ ก็จะโดนยึดกลับคืนด้วย หล่อนจึงไม่มีทางเลือกอีกต่อไป

หลังงานแต่งงานอันแสนเคร่งเครียดและอึดอัด อัคนีให้หล่อนย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านของเขาและเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยการแยกห้องนอน เจอกันเฉพาะตอนเช้ากับตอนเย็นบนโต๊ะอาหาร ไปทำงานด้วยรถคนละคัน วันหยุดถ้าหล่อนอยู่บ้านเขาจะออกไปข้างนอก แน่นอน เขาไปหาวิรัลยา

ที่สุด หล่อนก็ตัดสินใจพูดเรื่องหย่ากับเขา หล่อนขอมีความสุขกับการได้แอบมองเขาไกลๆ ดีกว่าอยู่ใกล้แล้วทรมานสาหัสขนาดนี้

‘ยิหวาทรมานมากใช่ไหมที่ต้องอยู่ร่วมบ้านกับพี่’ เขาย้อนถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เป็นคำถามที่หล่อนไม่คิดว่าจะได้ยิน

‘ก็ไม่น้อยไปกว่าพี่หรอกค่ะ...ตกลงนะคะ พรุ่งนี้เราไปเรียนคุณพ่อกัน ท่านต้องเข้าใจเพราะก็เห็นอยู่ว่าเราสองคนไม่ได้มีความสุข’

‘ถ้าอย่างนั้น ทำไมเราไม่สร้างความสุขขึ้นมาล่ะ’ เสียงเขาอ่อนโยนลงขณะเดินเข้ามาใกล้หล่อน หล่อนมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ

‘พี่เดี่ยวหมายความว่ายังไงคะ’

‘พี่อยากให้เราเริ่มต้นกันใหม่ พี่ขอโทษที่ที่ผ่านมาทำตัวห่างเหินกับยิหวา แต่เพราะพี่คิดว่ายิหวารังเกียจพี่ที่พี่เป็นแค่เด็กที่พ่อเก็บมาเลี้ยง’

หล่อนส่ายหน้า ‘พี่เดี่ยวก็รู้มาตลอดว่ายิหวารู้สึกยังไงกับพี่ ยิหวาไม่เคยรังเกียจพี่สักนิด’

‘ถ้าไม่รังเกียจ ทำไมตอนแรกถึงไม่ยอมแต่งงานกับพี่ล่ะ’ ถึงคราวที่เขาจะไม่เข้าใจหล่อนบ้าง

‘ก็ยิหวาไม่อยากเห็นพี่เจ็บปวดแล้วก็เป็นทุกข์ไงล่ะคะ ถึงยิหวาจะไม่ชอบยายหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้อยากเห็นเขาแพ้ในรูปแบบนี้’

‘ยิหวาพูดจริงเหรอ’

‘จริงสิคะ ถึงจะอยากชนะยายหนึ่ง แต่ก็อยากชนะอย่างสมศักดิ์ศรีกว่านี้ค่ะ’

คราวนี้เขายิ้มกว้าง ‘ถ้าอย่างนั้น ก็มาเริ่มต้นกันใหม่เถอะนะ ยิหวา ไม่ต้องสนใจเรื่องแพ้ชนะอะไรอีกแล้ว สนแค่เรื่องของเรา ความรู้สึกของเราสองคนก็พอ’

ถ้อยคำหนักแน่น สีหน้าและแววตาจริงใจ ทำให้หล่อนเต็มตื้น หัวใจพองฟูคับอก

หลังจากวันนั้น เขาก็ทำอย่างที่พูด เริ่มต้นกับหล่อนอีกครั้ง ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น ไปทำงานด้วยรถคันเดียวกัน และย้ายมานอนห้องเดียวกัน เป็นช่วงเวลาที่หล่อนมีความสุขมาก หล่อนไม่เคยถามว่าเขาหยุดรักวิรัลยาหรือยัง รู้แต่ว่าเขาชอบและดีกับหล่อน ก็เพียงพอแล้ว

ระหว่างนั้น วิรัลยาก็เงียบๆ ไปจากชีวิตหล่อน จากที่เมื่อก่อนเป็นต้องหาเรื่องแขวะ เหน็บแนมและยกเรื่องที่เจ้าหล่อนได้หัวใจอัคนีไปครองมาเยาะเย้ยหล่อนเสมอ อันทำให้หล่อนมั่นใจว่าอัคนีคง ‘เคลียร์’ กับวิรัลยาเรียบร้อยแล้ว และวิรัลยาเองก็คงมีศักดิ์ศรีมากพอที่จะไม่เอาชนะคะคานในเรื่องที่ผิดศีลธรรม

แต่หล่อนคิดผิด!

หกเดือนก่อนเกิดอุบัติเหตุ...

วันนั้นหล่อนไม่ค่อยสบาย จึงลางานพักผ่อนอยู่บ้าน ส่วนอัคนีไปทำงานตามปกติ โดยตอนเย็นเขาโทร.มาถามไถ่อาการ น้ำเสียงเขาเป็นห่วงหล่อนมาก เนื่องจากวันนี้คนทำงานบ้านก็ลาหยุดกันหมด เขาเองกว่าจะเคลียร์งานเสร็จกลับถึงบ้านก็คงมืดค่ำแล้ว

‘ยิหวาอยู่ได้จริงๆ ค่ะ ตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว พี่เดี่ยวรีบทำงานเถอะนะคะ จะได้เสร็จไวๆ’

‘ตกลงจ้ะ แล้วถ้าง่วงก็เข้านอนได้เลยนะ ไม่ต้องรอพี่’

หลังจากวางสายจากเขาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็มีเสียงรถมาจอดหน้าบ้าน ตอนแรกหล่อนนึกว่าเป็นเขา ก็ยังแอบยิ้มซึ้งใจว่าเขาคงเป็นห่วงหล่อน เลยรีบกลับมา แต่ปรากฏว่า...เป็นวิรัลยา!

ฝ่ายนั้นอยู่ในชุดทำงานสวยเก๋ตามแบบฉบับของตน

‘ได้ข่าวว่าป่วย ดีขึ้นหรือยังล่ะ’ วิรัลยาขึ้นมาหาหล่อนถึงห้องนอน และตอนที่ถาม เจ้าหล่อนก็กวาดตามองไปรอบๆ เห็นร่องรอยของความอิจฉาวูบวาบอยู่ในแววตาคู่นั้น

‘ดีขึ้นแล้ว เธอมีธุระอะไรกับฉัน ทำไมไม่รอข้างล่าง’ หล่อนถามออกไปอย่างไม่พอใจ พลางขยับลุกขึ้นจากเตียง เพราะการนอนอยู่ขณะที่วิรัลยายืนเชิดอยู่ในห้องเดียวกัน ทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนตกเป็นเบี้ยล่าง

‘ฉันก็แค่อยากมาดูห้องนอนว่าจะปรับเปลี่ยนอะไรบ้างน่ะ’

‘เธอพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ’

‘เธอก็ยังโง่เง่าเต่าตุ่นเหมือนเดิม เป็นเมียผู้บริหารแล้วนึกว่าจะฉลาดขึ้นเสียอีก’ ศัตรูหมายเลขหนึ่งของหล่อนเอ่ยเยาะๆ

‘แต่เอาเถอะ เธอไม่รู้ ฉันก็จะบอกให้เอาบุญ พี่เดี่ยวเขาบอกให้ฉันเข้ามาจัดบ้านให้ใหม่ ฉันเลยว่าจะเริ่มที่ห้องนอน อ้าว ยังทำหน้างงอยู่อีก ตรงๆ ง่ายๆ ละกันนะ...ฉันจะย้ายมาอยู่ที่นี่ในฐานะเมียของพี่เดี่ยว’

‘ว่าไงนะ!’

‘เธอฟังไม่ผิดหรอก ยิหวา ฉันคิดว่ามันถึงเวลาที่ฉันควรจะทวงสิทธิ์ความเป็นเมียคนแรกของพี่เดี่ยวแล้ว ส่วนเธอ หมดเวลาแล้วจ้ะ’

‘เธอมโนบ้าอะไรของเธอ พี่เดี่ยวไม่มีวันทำอย่างนั้นแน่’

‘เขาทำแน่นอนจ้ะ แต่วันนี้เขายังไม่ว่าง ไอ้ฉันก็ใจร้อนเลยขอมาบอกเอง ซึ่งเขาก็อนุญาต...ทำไมทำหน้าแบบนั้นจ๊ะ อ๋อ นี่อย่าบอกนะว่าเธอเชื่อว่าเขารักเธอจริงๆ น่ะ’ วิรัลยาหัวเราะเบาๆ ในตอนท้าย มองหล่อนด้วยแววตาสมเพช

‘โถ เขาก็แค่ทำตามคำสั่งของฉันกับพ่อแค่นั้น”

’ คำสั่งเธอกับพ่องั้นเหรอ ‘

‘ใช่ เธอคิดว่าพ่อมีเหตุผลอะไรที่จับฉันแยกจากพี่เดี่ยวล่ะ เราสองคนรักกันมาก รักกันมานาน’

‘พ่อบอกว่า อยากให้พี่เดี่ยวดูแลฉัน ดึงฉันออกจากยาย’ หล่อนยกคำพูดของบิดามาตอบ

‘โถๆ ๆ ๆ นี่เธอเชื่อสิ่งที่พ่อบอกขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย มันมีตั้งหลายวิธีที่จะดึงเธอออกมา จริงไหม แต่พ่อก็เลือกใช้วิธีให้พี่เดี่ยวแต่งงานกับเธอ’

‘เพื่อ?’

‘ฉันจะพูดให้ซอฟต์ที่สุดละกันนะ คือฉันน่ะอยากได้หุ้นในบริษัทเพิ่ม ซึ่งพ่อก็บอกว่าจะเพิ่มให้ฉัน แต่มันก็มีลิมิตของมัน แม่ก็เลยจะยกส่วนของแม่ให้ฉัน พี่เดี่ยวก็บอกว่าหลังจากที่เขาแต่งงานกับฉันแล้วเขาก็จะแบ่งให้ แต่มันยังไม่พอเท่าที่ฉันอยากได้ ฉันเลยคิดกันว่า ต้องเอาจากเธอกับยายยาหยี แต่ครั้นจะบังคับเอาเลย พ่อเขาก็ไม่อยากทำ ถึงเขาจะไม่ได้รักเธอสองคนพี่น้อง แต่ยังไงก็เป็นลูก แต่ถ้าเธอกับยายยาหยีจะให้ด้วยความเสน่หา มันก็สิทธิ์ของพวกเธอ เธอจึงถูกเลือกก่อน ให้แต่งงานกับพี่เดี่ยว เพราะเธอรักเขามานานแล้ว’

‘ฉันไม่เข้าใจ’

‘คิดแล้วว่าคนโง่อย่างเธอต้องคิดไม่ออก ก็เพื่อจะเอาหุ้นเธอมาให้ฉันน่ะสิ’

หล่อนเงียบ คิดอะไรไม่ออก ในหัวอื้ออึงไปหมด นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยคิดมาก่อน ใช่ เป็นอย่างที่วิรัลยาพูดนั่นละ บิดาไม่รัก ไม่เคยดูแลหล่อนกับญาตาวี แต่หล่อนก็ไม่คิดว่าบิดาจะเกลียดหล่อนสองพี่น้องมากขนาดนี้

อัคนีอีกเล่า

เขาทำให้หล่อนอบอุ่นหัวใจและไว้ใจว่าเขาจะมั่นคง แม้เขายังไม่เคยเอ่ยคำว่ารัก แต่หล่อนก็มั่นใจว่าเขาจะประคับประคองชีวิตคู่ให้เดินต่อไปข้างหน้าได้ เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้เขายังเอ่ยเรื่องมีลูกกับหล่อนอยู่เลย แล้วนี่อะไร? ทั้งหมดนั้นก็เพื่อวิรัลยาหรอกหรือ

ถ้อยคำหลังจากนั้นของวิรัลยา หล่อนได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง จนกระทั่งวิรัลยายื่นโทรศัพท์มือถือมาตรงหน้า

‘เปิดฟังคลิปสิ ถ้าไม่เชื่อ’

หล่อนมองมันแวบหนึ่งก็เมินให้อย่างไม่ใส่ใจ ‘ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ฉันจะรอฟังจากปากพี่เดี่ยวคนเดียว’

‘โง่แล้วยังหน้าด้าน!’ ฝ่ายนั้นคงจะหมดความอดทนจึงปล่อยถ้อยคำรุนแรงออกมา หลังจากพยายามวางมาดดีมาตั้งนาน จากนั้นเจ้าหล่อนก็เป็นฝ่ายกดเล่นคลิปเสียเอง

มีเสียงอู้อี้ๆ ฟังไม่ได้ศัพท์ดังขึ้นก่อน แล้วเสียงผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้น เสียงที่บ่งบอกความเจ็บปวดทรมาน

‘ใจพี่จะขาดแล้ว...’ อัคนีนั่นเอง

‘หนึ่งก็เหมือนกันค่ะ ฮือๆ เราหนีไปด้วยกันไหมคะพี่เดี่ยว หนีไปให้ไกล ในที่ที่มีแค่เราสองคน’ เสียงเครือๆ ของวิรัลยาดังตามมา

‘ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกจ้ะ ชีวิตพี่เป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้ก็เพราะพ่อ อย่าว่าแต่เรื่องแต่งงานเลย แม้แต่ชีวิตของพี่ก็ให้พ่อได้ หนึ่งอดทนหน่อยนะจ๊ะ พี่ขอเวลาแค่สองปี พี่จะหย่ากับยิหวา’

‘สองปีนานเหลือเกินค่ะ พี่เดี่ยวขา’ จบคำพูดประโยคนี้ก็มีเสียงเหมือนทั้งคู่จูบปลอบประโลมกัน

หล่อนสะบัดหน้าไปทางอื่นเพื่อซ่อนความเจ็บปวด

‘พี่เดี่ยวรักหนึ่งมากแค่ไหนคะ...’

‘เท่าชีวิตของพี่’

‘ถ้าอย่างนั้น ทำอะไรเพื่อหนึ่งสักครั้งนะคะ...จงแต่งงานกับยิหวาอย่างมีความสุขและสบายใจ’

‘หนึ่ง โธ่ คนดีของพี่...พี่รักหนึ่งเหลือเกิน’

‘ถ้าพี่รักหนึ่ง ต้องทำตามที่หนึ่งขอนะคะ อยู่กินกับยายยิหวาให้มีความสุข ทำดีกับยายนั่นให้มากๆ ให้มันรักพี่หลงพี่หัวปักหัวปำได้เลยยิ่งดี หลังจากนั้นพี่ก็ค่อยๆ จูงจมูกมัน ให้มันยกหุ้นของมันให้พี่ให้ได้’

‘หนึ่ง นี่หนึ่งพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า’

‘พี่เดี่ยวก็เห็นว่ายายนั่นไม่ได้เรื่อง กินแรงพวกเราทุกคนตลอดเวลา ถือหุ้นไว้ก็ไม่มีประโยชน์ เอามันมาให้หนึ่ง หนึ่งจะได้เอามาเป็นอำนาจในการพัฒนาสถานีของเรา’

‘หุ้นหนึ่งกับยิหวารวมกัน ก็ยังน้อยกว่าของพ่ออยู่ดี’

‘คุณแม่จะยกหุ้นให้หนึ่งอยู่แล้วค่ะ รวมกับหุ้นยายยิหวาด้วยก็มาก กว่าคุณพ่อแน่ๆ นะคะ พี่เดี่ยว หลังจากนั้นเราก็จะบริหารวายอีเอสทีวีด้วย กัน...’

อัคนีเงียบไปพักใหญ่คล้ายใช้เวลาในการคิด หล่อนเองก็รอคำตอบเขาจนตัวเกร็งไปหมด ไม่ อัคนีเป็นคนกตัญญูรู้คุณคน ซ้ำยังรักความยุติธรรมยิ่งกว่าอื่นใด แต่ไหนแต่ไรมา แม้เขาจะแสดงออกว่าเกลียดหล่อน แต่เวลาหล่อนกับวิรัลยาทะเลาะกัน เขาก็ไม่เคยเข้าข้างวิรัลยาตะพึดตะพือ จะต้องถามหาเหตุผลแล้วจึงตัดสิน ซึ่งก็ว่ากันไปตามผิด เขายอมแต่งงานกับหล่อนก็เพียงเพราะอยากดึงหล่อนออกจากยายตามที่วิญญูขอร้องเท่านั้น มันไม่มีเหตุผลอื่น

‘ตกลง พี่จะทำเพื่อหนึ่ง!’

 

 

** หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com