ทดลองอ่าน ปลายปากกาอินเลิฟ 2 เรื่อง 'เลิฟโค้ช คนที่รัก' รักนะ นายโค้ชนอกตำรา : ตอนที่ 11

 

 

ตอนที่ 11

 

 

“ที่อายุปูนนี้แล้วยังไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพายมั้ง เพื่อนสมัยเรียนเขาก้าวหน้า มีบริษัทของตัวเอง มีงานดีๆ ร่ำรวยกันทุกคน แต่พี่ยังกระจอกอยู่เลย”

“ก็พี่ไม่คิดอยากจริงจังเองนี่ พี่ออกจะเก่ง ทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง แต่พี่ทำอะไรเหมือนกับทำเล่นๆ สนุกๆ ไปหมด นี่ไง ขายของนี่ก็ทำสนุกๆ ไม่คิดเอาเงิน เมื่อวานที่ทำโลโก้ ทำตราแปะกระปุกให้ขวัญ งานสวย ฝีมือประณีต นี่ก็ทำเล่นสนุกๆ ไม่คิดอะไร เป็นคนอื่น เขาจะเอาเวลามาทำเรื่องแบบนี้โดยที่ไม่ได้อะไรเลยเหรอคะ”

“ได้สิ ได้ความพอใจ ทำแล้วมีความสุข เอาละๆ พี่ยอมรับก็ได้ว่า ขาดความจริงจังไปหน่อย แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกอยากปรับปรุงตัวเองขึ้นมาแล้วเหมือนกัน เป็นเพราะน้องนั่นแหละที่เป็นแรงบันดาลใจ”

เธอเอียงคอ ท่าทางเหมือนจะไม่เชื่อ เขาเลยขยายความ

“พี่พูดจริงๆ ถึงแม้น้องจะไม่มีงานทำมานานแล้ว แต่พี่ก็เห็นว่าน้องยังคงขวนขวายและมุ่งมั่น น้องกล้าที่จะเอาเงินหมื่นไปอบรม ไปซื้อความรู้มาพัฒนาตัวเอง ที่จริงน้องเป็นคนมองอนาคตยาวๆ กล้าลงทุน กล้าเสี่ยง คนแบบนี้ไม่ใช่หรือคือคนที่จะประสบความสำเร็จ พี่ก็เลยได้คิดว่าทำไมตัวเองถึงเฉื่อยแฉะอยู่แบบนี้ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็มีงานที่ค่อนข้างดีอยู่แล้ว แต่ก็สู้คนที่ไม่มีงานอย่างน้องไม่ได้ สารภาพเลย ตอนนี้พี่ก็อยากสู้ไปพร้อมๆ กันกับเรานะ”

ของขวัญรู้สึกดีกับถ้อยคำเปิดใจของเขา เธอไม่คิดมาก่อนว่าคนที่ไร้ค่า คนที่วันๆ ขลุกอยู่แต่ในครัวอย่างเธอจะเป็นคนที่สร้างแรงบันดาลใจให้ใครได้ รุ่นพี่ร่วมซอยที่เพิ่งสนิทคนนี้ ทำให้เธอรู้สึกถึงคุณค่าในตัวเองขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แม้กระทั่งถ้อยคำปลุกขวัญใดๆ จากคอร์สอาจารย์พี ไลฟ์โค้ชมืออาชีพระดับประเทศก็ยังไม่เคยทำให้เธอรู้สึกฮึกเหิม มีพลัง และรักตัวเองเท่านี้เลย

หญิงสาวอยากจะบอกเขาว่า เขาเองก็คือแรงบันดาลใจให้เธอ ในวันที่เธอเคว้งคว้างที่สุด วันที่เขาหยุดรถรับเธอ นับแต่นั้น วันอันเดียวดายไม่รู้หายไปไหน แต่ละวันรู้สึกทั้งอบอุ่นใจ ทั้งมีพลัง ไม่นับความรู้สึกสดชื่นวูบๆ ไหวๆ ในหลายครั้งๆ ที่เริ่มผุดมาในระยะนี้

และเพราะคิดแบบนั้น ช่วงขากลับที่นั่งรถมาด้วยกัน ของขวัญจึงเปิดปากเล่าให้เขาฟังถึงเรื่องราวที่คั่งค้างอยู่ในตอนขามา ซึ่งชายหนุ่มก็ฟังอย่างสงบ แววตาเปลี่ยนไปบ้างในบางครั้ง เมื่อเธอเล่าจบ เขาก็บอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า

“ไอ้คนเฮงซวย วงการนี้มีเรื่องสกปรกแบบนี้ด้วยหรือ เอาเถอะ พี่สัญญาว่าจะทำให้น้องกลับมาเขียนนิยายให้ได้เหมือนเดิม”

“ขอบคุณค่ะ แต่คงจะยาก ขวัญลองมาแล้วหลายครั้งแล้วก็ทำไม่ได้ บางทีเคยเขียนได้หลายหน้า แต่รู้สึกไม่มั่นใจก็เลยลบทิ้งหมด”

“แล้วยังอยากเขียนได้ไหมล่ะ ยังอยากเป็นนักเขียนไหม” เขาถามด้วยน้ำเสียงและแววตาจริงจัง

“ก็อยากค่ะ ตรงนั้นเป็นความฝันเลย แต่ช่างมันเถอะ ตอนนี้ขวัญคิดว่าขวัญทำอย่างอื่นก็ได้เหมือนกัน วันนี้ขายของมีกำไรดี บอกตรงๆ ว่าชักอยากเป็นแม่ค้าแล้ว”

ประโยคหลังเธอพูดด้วยน้ำเสียงที่สดชื่น ทำให้คนที่ขับรถอยู่พลอยรู้สึกดีไปด้วย เขาชำเลืองมองใบหน้าที่งดงามเปล่งปลั่ง ดวงตาเรียวที่เข้ากับใบหน้าแอบหมวย มีประกายเจิดจ้าสุกสว่าง อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมยายน้องข้างบ้านคนนี้สวยขึ้นทุกวัน ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากอยู่ใกล้ๆ เพื่อทำให้เธอได้มีท่าทางสดชื่นแบบนี้บ่อยๆ

----------

จากผลสำเร็จในการขายมะม่วงน้ำปลาหวานในครั้งแรก ทำให้สุดเขตและของขวัญคิดจะทำต่อ แม้มะม่วงที่บ้านชายหนุ่มจะร่อยหรอลงไปแล้ว และแผงนั้นเพื่อนก็กลับมายึดคืนแล้ว แต่แผงว่างในตลาดก็ยังพอมีให้เช่า ทั้งคู่เริ่มหาข้อมูลสวนมะม่วง แล้วก็เจอสวนชานเมืองที่สั่งซื้อได้ในราคาไม่แพงนัก

ครั้งที่สองนี้ชายหนุ่มควักทุนตัวเองทั้งหมด เพราะของขวัญไม่มีเงินเก็บอีกแล้ว เธอบ่นเสียดายที่เอาไปใช้กับค่าคอร์สของอาจารย์พีเสียหมด

“รู้งี้ เก็บมาลงทุนกับมะม่วงดีกว่า” เธอพูดขณะที่นั่งนับผลกำไรแบ่งกันกับชายหนุ่มในร้านกาแฟที่ปั๊มเดิมๆ เขาลงทุน เธอลงแรง แบ่งกันไปคนละครึ่ง คราวนี้แม้จะได้ไม่มากเท่าครั้งแรก แต่ก็ยังพอมีเหลือให้เอาไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟที่บ้าน

“พี่ชวนน้องช้าไปสินะ” เขาพูดยิ้มๆ “แต่ช่างเถอะ ยังไม่สายนี่ ถ้าเรายังทำยอดขายได้ประมาณนี้ทุกครั้ง ก็โอเค ตอนนี้เราขายแค่เสาร์อาทิตย์ เอ...ถ้าทำได้ทุกวันก็ดี”

“โธ่ พี่เขตคะ นั่นคือต้องทุ่มเทชีวิตกันเลยนะ จะปักหลักขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วงานพี่ล่ะ”

“งานพี่ ทำกลางคืนได้”

“โอ๊ย ไม่ไหวหรอก พี่ก็ต้องพักบ้าง เอาแค่ขายเฉพาะวันหยุดก่อนเถอะ ถ้าทุกวัน ขวัญเองก็ทำน้ำปลาหวานไม่ทัน นี่ไม่มีคนช่วยเลย น้องสองคนก็ติดเรียนกัน ถ้าทำเยอะกว่านี้ครัวที่บ้านก็แคบด้วยค่ะ ที่ทางไม่พอ”

“บ้านพี่ออกจะว่าง กว้างด้วย มาทำที่บ้านพี่ไหม” เขาชวนหน้าตาเฉย “ไหนๆ เราก็ร่วมหัวจมท้ายกันขนาดนี้แล้ว ลองขอคุณแม่ดีไหม เขารังเกียจพี่หรือเปล่า นี่อยากจะขอเข้าไปพูดกับท่านดู ว่าขอตัวลูกสาวเขามาทำของขายที่บ้านได้ไหม บ้านก็ใกล้ๆ กัน”

ของขวัญแอบตัวชากับคำพูดนั้นของเขา นี่มันคล้ายๆ คนเป็นแฟนกันหรือเปล่า คนที่คิดจะร่วมชีวิตคู่ แล้วต้องไปหาผู้หลักผู้ใหญ่ อะไรแบบนั้น

“อย่าเพิ่งคิดเยอะเลยค่ะ ลองทำแบบนี้แหละ ดูอีกสักพัก ถ้ามันเวิร์กจริง มีเงินไปให้คุณแม่ทุกอาทิตย์ แม่อาจจะโอเคก็ได้ ก็นี่เป็นเรื่องทำมาหากินนี่คะ”

เธอพูดแบบนั้น แล้วก็จริงอย่างที่เธอคิด หลังจากที่เขาและเธอช่วยกันขายมะม่วงน้ำปลาหวานติดต่อกันทุกอาทิตย์ เป็นเวลาเกือบสองเดือน ครอบครัวเธอก็เริ่มเห็นว่าสุดเขตคือผู้ชายที่ชักนำเธอไปในทางที่ดี ชายหนุ่มเริ่มได้เข้าตามตรอกออกตามประตู เป็นหุ้นส่วนธุรกิจของลูกสาวที่ว่างงานอยู่นาน แต่ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่มารดาถามขึ้น

“รายนี้เขาชอบแกหรือเปล่าฮึ ยายขวัญ”

เธออึ้งไปพักใหญ่ก่อนปฏิเสธ “เปล่าค่ะ เราคบกันแบบพี่น้อง”

“ไม่จริงมั้งพี่ขวัญ” ฟ้าใส น้องสาวคนรองที่นั่งอยู่ด้วยพูดขึ้น เธอกำลังเรียนมหาวิทยาลัยปีสอง “พี่เขตน่าจะชอบพี่นะ ไม่งั้นเขาคงไม่มายุ่งวุ่นวายกับชีวิตพี่ขนาดนี้หรอก”

“ไม่มีอะไรจริงๆ พี่เขตเขาก็ว่างๆ งานเขาน้อย พอมาเริ่มทำอะไรด้วยกันมันก็ติดลม เขาเป็นแค่หุ้นส่วนจริงๆ ไม่เคยคิดหรือพูดอะไรในทำนองอื่นกับพี่”

“ไม่รู้สิ พี่กับเขาดูยังกะผัวเมียที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัวยังไงไม่รู้”

ฟ้าใสพูดพลางหัวเราะ เธอเป็นน้องสาวที่ไม่ค่อยจะเคารพยำเกรงพี่สาวนัก

“ยายฟ้า พูดจาน่าเกลียด” มารดาปราม แล้วหันมาบอกของขวัญ “นี่ดีนะ แม่เห็นตานี่มาตั้งแต่เล็กๆ ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า ก็ไม่อยากให้แกเข้าไปยุ่งหรอก”

“ก็ถ้าพี่เขตเขาโสด พี่ขวัญก็โสด ก็คบกันไปเลยสิฮะ”

เมฆสว่าง ที่ฟังอยู่นานแล้วพูดขึ้นบ้าง ทำให้วงสนทนามองกันไปมาเลิ่กลั่กในความโผงผางของน้องชายคนเล็กของบ้าน เด็กหนุ่มพูดต่อ

“ช่วงนี้พอวิ่งเสร็จ ผมก็แวะไปบ้านพี่เขตบ่อยๆ เขาเป็นคนดีออก มีอยู่วันโผล่ไปเห็นเพื่อนๆ เขามาตั้งวงกันที่บ้าน มีพี่เขตคนเดียวที่ไม่กินเหล้า นั่งซดแต่น้ำเปล่าเฉย ที่จริงคนทำงานสายอาร์ตต้องมีเรื่องพวกนี้ แต่พี่เขตไม่แตะสักอย่าง บุหรี่ก็ไม่เอา ไม่เจ้าชู้ด้วย แล้วพี่ขวัญจะหาผู้ชายแบบนี้ได้ที่ไหนอีกฮะ”

“โห ฟังแล้วพี่สุดเขต บ้านสุดซอยนี่ดีพร้อมจริงๆ หน้าตาก็หล่อ” ฟ้าใสทำท่าทางดี๊ด๊า “เสียอย่างเดียว พี่เขาจนไปนิด รถคันเล็กไปหน่อย แต่ก็ไม่แน่หรอก ขยันทำมาหากินตัวเป็นเกลียวกับพี่ขวัญแบบนี้ เดี๋ยวก็มีเงิน”

“นี่ พวกเธอพูดไปกันใหญ่แล้วนะ บอกแล้วไงว่าพี่กับเขาไม่ได้คิดแบบนั้น”

ของขวัญเสียงดังใส่น้องทั้งสองเพื่อกลบความเขินอาย ทั้งยังรู้สึกโกรธน้องสาวที่พูดจาเป็นเชิงเหยียดคนด้วย

“ก็คิดซะสิคร้าบพี่” น้องชายยังเชียร์สุดตัว “อ้อ แล้วเขาบอกพี่หรือยัง งานออกแบบสื่อกราฟิกอะไรสักอย่างที่พี่เขาส่งประกวดนานาชาติอะ ตอนนี้เข้ารอบแล้วด้วย มีสิทธิ์ลุ้นชนะเลิศด้วยนะ”

“จริงเหรอเมฆ” คราวนี้ของขวัญถามน้องชายด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง “ทำไมไม่เห็นเขาเคยบอกพี่”

“อ้าว ก็พี่ไม่ใช่แฟนเขานี่ เขาจะบอกทำไม” น้องชายได้ทีย้อน “งานนี้ถ้าพี่เขตชนะ เงินรางวัลเป็นล้านเลย ได้ไปต่างประเทศด้วย ผมรู้คร่าวๆ แค่นี้ ถึงเวลานั้น ไม่รู้เขายังจะไปขายน้ำปลาหวานกับพี่อีกหรือเปล่านะฮะ ผมถึงบอกว่าให้พี่รีบคบกับพี่เขตได้แล้ว ก่อนที่จะมีใครฉกตัวพี่เขาไป”

“สงสัยได้เวลาพี่เขตเปลี่ยนรถซะที ไอ้คันสีเขียวของพี่เขานี่ มันเล็กเกิ๊น นั่งได้แค่สองคนกับพี่ขวัญ เราจะอาศัยไปด้วยก็ลำบาก”

ฟ้าใสพูดพลางหัวเราะขบขัน ก่อนจะเดินส่ายสะโพกจากไป

 

 

อ่านฉบับเต็มก่อนใคร! ในรูปแบบ eBook (คลิก) 

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com