ทดลองอ่าน ปลายปากกาอินเลิฟ 2 เรื่อง 'เลิฟโค้ช คนที่รัก' รักนะ นายโค้ชนอกตำรา : ตอนที่ 9

 

 

ตอนที่ 9

 

 

คืนนี้เป็นคืนที่ของขวัญรู้สึกตื่นเต้นจนนอนแทบไม่หลับ ชีวิตที่เหงาหงอยเหมือนมีอะไรใหม่ๆ มาทำให้กระชุ่มกระชวย เธอคิดถึงวันพรุ่งนี้ที่จะได้ไปขายมะม่วงน้ำปลาหวานกับสุดเขต แม้จะไม่เคยทำ แต่ก็มั่นใจว่าพี่เพื่อนบ้านคนนั้นจะช่วยให้เธอไปได้ตลอดรอดฝั่ง

ช่วงนี้สนิทสนมกับเขาจนต้องคิดถึง...ไม่สิ ใช้คำนั้นเลยหรือ แค่นึกถึงเขาอยู่เสมอเท่านั้นเอง แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้ฟังคลิปอาจารย์พีนานมากแล้ว ตั้งแต่ไปอบรมจบมา รู้สึกเหมือนจบความสนใจในตัวเขาไปเลย ทีแรกรู้สึกทั้งทึ่งทั้งหลงใหล วันแรกที่เขาตามมาพูดคุยด้วยที่หน้าลิฟต์ยังตื่นเต้นด้วยซ้ำ แต่ทำไมเดี๋ยวนี้เฉยๆ การได้อยู่ใกล้ๆ พีศรุตในช่วงอบรมนั้น สลายความละเมอเพ้อพกของเธอไปได้อย่างไรนะ

หรือเพราะมีบางคนเข้ามาแทรก ให้เธอต้องขึ้นรถลงรถ ไปนั่นมานี่กับเขาอยู่ตลอด หญิงสาวนอนพลิกตัวไปมา แม้ไม่ค่อยหลับ แต่ก็ไม่ใส่ใจจะหลับหรอก อยากให้ถึงตอนเช้าเร็วๆ มากกว่า

ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่เขตของเธอจะหลับสบายดีไหม แต่คิดว่าน่าจะหลับ คนพลิ้วๆ แบบนั้น เขาคงไม่ตื่นเต้นเท่าเธอหรอก...เอ...คิดถึงอีกแล้ว

---------- 

“อะ มาวางแผนกันดีกว่า ว่าวันนี้เราจะขายกันยังไง”

ชายหนุ่มพูดขณะที่อยู่ด้วยกันบนรถ ตอนนี้ข้าวของทุกอย่าง เตรียมกันมาพร้อมแล้ว หันไปมองอีกทีเห็นเธอยังนิ่งๆ อยู่ เขาจึงพูดต่อ “เอ๊ะ เป็นอะไรไป ดูหน้าตาไม่ค่อยสดใสเท่าไร ไม่สบายหรือเปล่า”

“เปล่าหรอกค่ะ เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย ตื่นเช้าเลยเพลียๆ”

“ทำอะไรนักหนาถึงนอนดึก” เขาพูดหมือนดุ “สงสัยจะเล่นเฟซ ดูซีรีส์สิบตอนรวด”

“เปล่าค่ะ แค่นอนไม่หลับ เพราะคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ใครๆ เขาก็เคยกัน หรือพี่เขตไม่เคยคะ” เธอย้อนเพราะเอียนคนที่ทำท่าเหมือนผู้ปกครอง

“เคยเหมือนกัน เวลาคิดถึงใครสักคน บางทีก็นอนคิดอยู่นั่น จนเช้า”

“เหรอ คิดถึงแฟนเหรอคะ” ถามไปแล้วแปลกใจตัวเองที่เสียงแกว่งๆ

“ไม่รู้สิ ไม่ใช่มั้ง”

ไม่บ่อยนักที่จะเจอคำตอบสั้นๆ ของอีกคน บรรยากาศเริ่มแปลกๆ ของขวัญจึงปรับท่าทีและเปลี่ยนเรื่องสนทนา

“คุยเรื่องขายของดีกว่าค่ะพี่เขต เช้านี้ขวัญก็ลองไปคิดต้นทุนคิดกำไรแล้วละ ถ้าขายหมด หรือขายได้แค่ครึ่ง ก็โอเค”

คราวนี้เขาหันมามองเธอยิ้มๆ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงสดใสเช่นกัน

“ใช่เลย งานนี้เราไม่ต้องเครียดเหมือนเจ้าอื่นๆ เพราะทุนน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นของในบ้านทั้งนั้น มะม่วงพี่นี่ไม่ถือว่าเป็นทุนอะไร ไล่แจกจนเหนื่อย”   

“ค่ะ แต่ขวัญก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเราทำแล้วมันเวิร์ก ต่อไปขวัญอาจต้องลงทุน แล้วทำอย่างจริงๆ จังๆ ก็ได้ ใครจะไปรู้ ขวัญอาจต้องมาเป็นแม่ค้า ถึงแม้จะไม่เคยคิดมาก่อน เพราะเป็นคนที่ไม่มีหัวทางนี้เอาซะเลย แค่จะทอนเงินเขานี่ก็ ไม่รู้จะทอนถูกไหม” เธอสารภาพซื่อๆ

“กลัวอะไร เรามีเครื่องคิดเลข แล้วเดี๋ยวมันจะชินไปเอง พี่เองถ้าไม่มีงานอื่น หรือตกงานจริงๆ สิ่งแรกที่คิดก็คือขายของนี่ละ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ทางเรา หรืองานที่เราใฝ่ฝันมาก่อน แต่เชื่อไหม มนุษย์มีเลือดค้าขายอยู่ในตัวทั้งนั้น สิ่งนี้มันทำให้เราตื่นตัวและตื่นเต้นนะ”

เธอเออออ เห็นด้วยกับคำเขา “พี่พูดถูก พอรู้ว่าจะออกมาขายของ ขวัญก็ตื่นเต้น รู้สึกเลือดสูบฉีดตั้งแต่เมื่อวานแน่ะ ที่จริงมันต่างกันมากกับงานที่ขวัญคิดว่าเป็นความฝันของตัวเองตลอด คิดดูสิคะ ขวัญชอบเขียนนิยาย สมัยเรียนเคยมีพิมพ์เป็นเล่มมาแล้วด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับมีแต่แรงเฉื่อย ให้มานั่งเขียนก็เขียนไม่ออก”

คราวนี้ชายหนุ่มหันมามองเธออย่างทึ่ง ยิ่งนานวัน เขารู้สึกเหมือนเธอเป็นเพชรที่เริ่มทอแสงเปล่งประกาย ภายใต้ความสวยที่ดูเหมือนสวยแต่รูปเพราะมันฉาบไว้ด้วยความเงอะงะไม่เชื่อมั่นไปจนถึงดูทื่อมะลื่อในบางครั้ง ผู้หญิงคนนี้กลับยังมีอะไรให้น่าค้นหาอีกมาก ที่แน่ๆ เธอดูมีเสน่ห์ มีชีวิตชีวากว่าที่เขาคิดไว้ และด้วยเหตุนี้กระมัง เมื่อคืนเขาก็นอนนึกถึงแต่เธอจนรู้สึกกระสับกระส่ายแทบทั้งคืน เขาแทบที่จะรอเจอเธอเช้านี้ไม่ไหว

“น้องเคยมีผลงานด้วยหรือ ก็แปลว่าเป็นนักเขียนแล้วสิ เอ๊ะ ถ้างั้น ทำไมถึงไปต่อไม่ได้”

เธอนิ่งไป หันมองข้างทางก่อนจะหันกลับมาบอกสั้นๆ “เรื่องมันยาว”

“ยาวแล้วไง ยาวแค่ไหนก็ฟังได้ เล่ามาเถอะ”

เธอยังนิ่ง เม้มริมฝีปากแน่น

“อะ ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร คนเราต้องมีความลับ บางคนเก็บความลับไว้จนตายก็มี อันนี้พี่เข้าใจ”

“พี่อยากฟังจริงๆ เหรอคะ เรื่องราวบ้าๆ ที่ฝังใจขวัญมาตลอด”

“ก็ถ้าเราไว้ใจพี่ พี่ก็อยากฟัง เผื่อพี่พอจะช่วยได้”

“ขอบคุณค่ะ แต่คงจะยาก จริงๆ เรื่องนี้ขวัญก็เคยเล่าให้อาจารย์พีฟังเหมือนกัน ตอนในคลาสน่ะค่ะ มีคลาสเปิดใจ อาจารย์เรียกคุยทีละคน”

“งั้นหรือ งั้นไม่เป็นไรๆ ก็เล่าอาจารย์ไปแล้วนี่นา เขาก็คงหาทางคลี่คลายให้แล้วใช่ไหมล่ะ”

ชายหนุ่มก็ไม่รู้ว่าทำไมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อได้ยินเธอพูดถึงนายคนนั้น ความเอ็นดู ความเห็นใจหายไปสิ้น ก็ช่างเธอเถอะ เธอจะมีปมอะไรในใจก็ช่างเธอ เขาไม่ใช่ไลฟ์โค้ชมืออาชีพ ไม่ใช่นักจิตวิทยา ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญที่ไหนทั้งนั้น เขาเป็นแค่พี่ข้างบ้านที่กำลังชวนเธอออกมาขายของ ก็แค่นั้น

“ค่ะ อาจารย์ก็มีคำแนะนำ แต่ว่า...”

“ทำไมล่ะ น้องก็ทำให้ได้สิ...โอเค ถึงตลาดแล้ว เรื่องอื่นค่อยว่ากัน ตอนนี้คิดเรื่องทำมาหากินกันก่อนดีกว่า”

“ค่ะ พี่เขต”

ของขวัญตอบเขาสั้นๆ เห็นท่าทีของสุดเขตแล้ว เธอก็รู้สึกว่าตัวเองพลาดไปที่เอ่ยชื่อพีศรุต เมื่อครู่นี้เขามีท่าทีอบอุ่น เหมือนพี่ชายที่อยากรับฟังน้องสาว และอยากหาทางช่วยเหลือ แต่เธอเองกลับพูดถึงคนที่เขาเป็นมืออาชีพด้านนี้ ซึ่งอาจจะทำให้คนที่พร้อมช่วยแบบมือสมัครเล่นต้องรามือไปเพราะเจียมตน...เธอพลาดเอง

 

 

อ่านฉบับเต็มก่อนใคร! ในรูปแบบ eBook (คลิก) 

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com