ทดลองอ่าน ปลายปากกาอินเลิฟ 2 เรื่อง 'เลิฟโค้ช คนที่รัก' รักนะ นายโค้ชนอกตำรา : ตอนที่ 7

 

 

ตอนที่ 7

 

 

บ้านสองชั้นหลังนั้นถูกเจ้าของดัดแปลงจากแบบบ้านเดิมๆ ของหมู่บ้านสวัสดิการบึงกกไปจนไม่เหลือเค้า โดยทุบส่วนล่างแล้วปล่อยโล่ง รับลมที่โชยมาจากบึงที่อยู่ใกล้ๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเจ้าของบ้านหนุ่มมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่ห้องนั่งเล่นด้านล่างที่เขาชอบเรียกว่า ‘ใต้ถุนเรือน’

มองจากใต้ถุนไปจะเห็นสวนเล็กๆ หน้าบ้าน ต้นไม้ที่เป็นประธานโดดเด่นคือต้นมะม่วง ซึ่งเมื่อถึงฤดูกาลมันก็ออกผลอย่างน่าชื่นใจ สุดเขตกินคนเดียวไม่ไหว ทุกๆ ปีจึงต้องแบ่งปันให้บ้านอื่นๆ เกือบทั้งซอย ยกเว้นบ้านหลังแรกที่ปิดการคบค้าสมาคมกับเพื่อนบ้าน เขาจึงไม่เข้าไปข้องแวะ

จมปลักกับงานอยู่พักใหญ่ จนตะวันเริ่มโรยแสง เขาก็ปิดเครื่องแล้วลุกขึ้นบิดขี้เกียจ จากนั้นก็ขึ้นห้องไปเปลี่ยนเป็นชุดกางเกงขาสั้น ออกไปวิ่งเหยาะๆ เรียกเหงื่อที่รอบบึง ทุกครั้งที่ทำงานอยู่กับที่นานๆ แล้วรู้สึกตึงเครียด ชายหนุ่มก็มักจะทำเช่นนี้เสมอ วิ่งไปได้ครู่ใหญ่ ก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งมาตีคู่พลางร้องทัก

“โห วิ่งเร็วมาก กี่รอบแล้วครับพี่”

สุดเขตชะลอฝีเท้าหันไปมองและยิ้มให้ ก่อนตอบ “สอง แล้วน้องล่ะ”

“เพิ่งรอบเดียวครับ นี่ก็ลิ้นห้อยแล้ว นานๆ ผมจะวิ่งสักที พี่วิ่งทุกวันเหรอ”

“ไม่หรอก วันไหนนึกอยากวิ่งก็วิ่ง ที่จริงหมู่บ้านเรามีสถานที่ดีๆ ขนาดนี้ น่าจะวิ่งทุกวันนะเมฆ...น้องชื่อเมฆใช่ไหม” 

หนุ่มอ่อนกว่าพยักหน้า เขาจึงชวน “เอาไหม มาวิ่งด้วยกัน จะได้ไม่เซ็ง”

เมฆสว่างตอบรับ สุดเขตแปลกใจตัวเองที่นึกอยากผูกไมตรีกับเด็กหนุ่มคนนี้ขึ้นมา ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเขาไม่เคยคิดจะไปยุ่งกับ ‘เด็กบ้านนั้น’ อาจเพราะเขาถูกทักก่อนก็ได้ หรือไม่...ก็เพราะเขาเริ่มสนิทกับพี่สาวของเด็กเมฆนี่แล้ว จริงสิ...พรุ่งนี้ก็จะไปรับเธออีก ที่จริงงานเขาก็เริ่มยุ่ง แต่สัญญาไว้แล้ว และเขาก็เคลมตัวเองไปกับเธอว่าเป็นคนตรงต่อเวลาเป๊ะ เป็นคนรักษาสัญญาเป๊ะๆ

สองหนุ่มเหงื่อชุ่มหลัง เมื่อพักกันจนหายเหนื่อยหอบแล้วก็ชวนกันกลับบ้านใครบ้านมัน ก่อนที่จะเข้าประตูรั้วบ้านตัวเอง สุดเขตก็บอกหนุ่มรุ่นน้อง

“ว่างๆ มาเที่ยวบ้านพี่บ้างก็ได้นะ พี่อยู่คนเดียว น้องอยากมาเมื่อไรก็ได้เลย มาเอามะม่วงไปกินก็ได้ นั่น เห็นไหม มันดกเต็มต้นจนพี่ไม่รู้จะไล่แจกใครแล้ว คนซอยนี้กินกันจนเอียน ให้ใคร เขาก็ไม่ค่อยอยากได้”

เมฆสว่างหยุดคิดเล็กน้อย ตามองมะม่วงลูกย่อมๆ ที่ห้อยโตงเตง เจ้าของบ้านเห็นดังนั้นก็พูดต่อ

“เอาไหม เดี๋ยวพี่เก็บให้ มะม่วงเบาพันธุ์จากใต้แท้ๆ ลูกดกจนพี่ปวดหัว ฝากเขาขายก็แล้ว แจกก็แล้ว ยังไม่ยอมหมด น้องช่วยแบ่งไปกินหน่อยเถอะ”

“ขอบคุณครับพี่เขต งั้นเดี๋ยวผมขอเอาไปฝากที่บ้านละกัน ให้พี่ขวัญทำมะม่วงน้ำปลาหวานให้กิน พี่สาวคนโตเขาเก่งเรื่องทำอาหารครับ เป็นแม่ครัวทำกับข้าวเลี้ยงทั้งบ้าน”

“เก่งนะพี่สาวเรา ปกติผู้หญิงสมัยนี้ทำเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยเป็นหรอก”

ปากชม ใจก็นึกถึงหน้านางซินคนนั้น นี่นางต้องรับภาระทำน้ำปลา-หวานอีกงาน เพราะความเอื้ออารีของเขา...อย่างนั้นสินะ

---------- 

ช่วงบ่ายแก่ๆ ที่แสงแดดเดือนเมษายังแผดจ้าร้อนแรง สุดเขตถามของขวัญขณะแวะรับเธอที่เดิม

“พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ ขวัญก็ได้อะไรไปเยอะมาก นี่ไม่อยากจบคอร์สเลย”

ชายหนุ่มชำเลืองมาทางเธอพลางคิด ได้อะไรคือได้อะไรกันจ๊ะ ติดใจ ไลฟ์โค้ชก็บอกมาเถอะ! แต่ที่เขาพูดออกไปก็คือ “แล้วเราจะทำยังไงต่อไป คิดอะไรไว้บ้าง”

“ยังไม่รู้เลยค่ะ”

“อ้าว” คราวนี้เขาหัวเราะ “เห็นบอกว่าได้อะไรไปเยอะ ไอ้เราก็นึกว่าได้ไอเดียไปทำนั่นนี่แล้ว”

“แหม ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ถ้าไลฟ์โค้ชทำให้ทุกคนหาทางออกง่ายขนาดนั้นมันก็ดีสิคะ คงต้องเรียกว่าโค้ชเทวดาแล้ว ไม่ใช่ไลฟ์โค้ช รัฐบาลคงเรียกเข้าไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อช่วยแก้ปัญหาคนตกงาน จริงไหมคะ”

สุดเขตฟังแล้วอึ้ง เธอเปลี่ยนไปมากจากวันแรกที่ขึ้นรถเขา คงจริงอย่างที่เธอบอก เธอได้อะไรไปเยอะจริงๆ คอร์สอบรมนี้ได้ผลตรงที่ทำให้หญิงสาวมีความเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น และจุดนี้แหละที่จะนำพาเธอไปสู่ความสำเร็จได้ในอนาคต อาจารย์พีไม่ธรรมดา เขาคงต้องมองคนคนนี้เสียใหม่ในเชิงบวก

“ก็ค่อยๆ คิดไปละกันนะ พี่เชื่อว่าน้องต้องได้งานใหม่เร็วๆ นี้แน่ๆ”

“แล้วงานพี่ล่ะคะ ที่ร้านกิฟต์ช็อปที่ตึกนั้น”

“อ๋อ คลิปรีวิวร้านน่ะเหรอ เสร็จแล้ว เหลือแค่เช็กความเรียบร้อยอีกนิดหน่อย พรุ่งนี้ส่งงานให้เขาได้เลย อ้า...เดี๋ยวแวะปั๊มไปกินกาแฟกันหน่อยไหม พี่เองก็มีเรื่องจะคุยกับเราด้วย”

“อ้าว นี่ไม่ใช่คุยเหรอคะ ก็คุยกันมาตลอดทาง” เธอถามพร้อมทำหน้างุนงง “จะคุยเรื่องอะไรเหรอคะ”

“ก็เรื่องงานนั่นแหละ รับรอง คุยกับพี่มีแต่สาระล้วนๆ” แล้วเขาก็เอียงคอมามองเธอเล็กน้อย “ทำไมเหรอ น้องคิดว่าพี่จะชวนคุยเรื่องดอกไม้สายลม หรือพาน้องไปนั่งดูดกาแฟ จ้องตากัน งั้นเหรอ”

ของขวัญหัวเราะร่วนกับคำเขา แต่ใจแอบคิด พี่สุดเขตคนนี้จะทำอะไรสักอย่าง มักมีเหตุผลมารองรับให้เธอไว้วางใจได้เสมอ และเขาคงเป็นแบบนี้กับทุกคน เมื่อวานน้องชายเธอก็หลงคารมเขาไปคนหนึ่งแล้ว

“บ้า ใครจะไปคิดอย่างนั้นคะ พี่ก็พูดเกินไป ก็ได้ค่ะ แต่ขวัญขอเลี้ยงกาแฟพี่ตอบแทนบ้างนะ อ้อ เมื่อวานที่พี่ฝากมะม่วงไปกับเมฆ ขวัญทำน้ำปลาหวาน ยังมีเหลืออีกเยอะแยะ พี่จะเอาไปบ้างไหม จะได้ฝากเมฆเอาไปให้”

“น้องชายเราเหนื่อยตายกันพอดี ฝากกันไปฝากกันมา” สุดเขตพูดอย่างอารมณ์ดีขณะพารถเข้าปั๊มไปจอดที่หน้าร้านกาแฟเจ้าประจำ “ไม่เป็นไร ไม่ต้องหรอก พี่เอียนมะม่วงเต็มทน จะให้มานั่งจิ้มน้ำปลาหวานอีก ไม่ไหวๆ”

สุดเขตสั่งคาปูชิโนร้อน ส่วนของขวัญสั่งเอสเพรสโซเย็นหวานน้อย สองหนุ่มสาวนั่งคุยกันที่โต๊ะกาแฟตัวเดิมแล้วชายหนุ่มก็เริ่มเข้าเรื่อง

“คืองี้นะ พรุ่งนี้จบคลาสแล้ว ถ้าน้องยังไม่มีแพลนอะไร วันอาทิตย์นี้ว่างไหม โอ๊ะ อย่ามองอย่างนั้น พี่ไม่ได้ชวนไปเที่ยวแล้วกัน ชวนไปหาเงิน”

เธอเอียงคอ สีหน้าสงสัยเต็มแก่ เขาแจงต่อ

“คือรุ่นน้องที่ทำงานพี่คนหนึ่ง เมียเขามีแผงขายผลไม้กับพวกขนมนมเนยที่ตลาดฟู้ดวิลเลจ ซึ่งปกติพี่ก็ฝากมะม่วงที่บ้านไปวางอยู่บ่อยๆ ขายได้เท่าไรก็แบ่งกันครึ่งๆ ทีนี้อาทิตย์นี้เขาไม่ว่างไปขาย เขาไม่อยากให้แผงว่าง เลยบอกให้พี่เอามะม่วงไปขายเอง ซึ่งพี่ก็เห็นว่าดีเหมือนกัน แต่พี่ขายของไม่เป็น ก็เลย...”

“ชวนขวัญไปช่วยขาย...ใช่ไหมคะ”

เขาหัวเราะร่าเมื่อเห็นเธอเดาถูก “ถูกเผงเลย เก่งจัง คือไอ้มะม่วงเบาบ้านพี่ น้องก็เห็นแล้วว่ารสชาติดี ทีนี้มันออกลูกเยอะมากๆ ปีหนึ่งออกตลอด สร้างปัญหาให้พี่จริงๆ” คนพูดทำหน้าเซ็งๆ “พี่ต้องเที่ยวไล่แจกทุกบ้าน ฝากขายก็แล้ว อะไรก็แล้ว มันก็ยังเยอะอยู่ดี”

“พี่เขตนี่แปลก เป็นคนอื่นมีผลไม้ให้กินแบบนี้ เขาคงดีใจแทบแย่ บ้านขวัญก็เคยปลูกอยู่ต้น แต่มันบ้าใบมาก มีแต่ใบ ไม่เคยได้กิน ถ้าพี่ไม่รู้จะทำยังไงก็โค่นไปสิคะ ง่ายนิดเดียว แล้วปลูกอย่างอื่นแทน”

“โอ๊ย ไม่ได้หรอก ญาติคนเก่าที่เป็นเจ้าของบ้านเขาปลูกไว้ทั้งหน้าบ้านหลังบ้านอย่างละต้น เขาก็รักนักหนา สั่งพี่ห้ามโค่นเด็ดขาด เอาเหอะๆ เดี๋ยวเรื่องจะกำจัดมันยังไงพี่ค่อยคิดอีกที แต่ตอนนี้เราไปขายมะม่วงกันไหม”

“ขวัญก็ขายไม่เป็น เคยซะที่ไหนคะเรื่องแบบนี้”

“อ้าว จบคลาสแล้วจะนอนอยู่บ้านเฉยๆ เหรอ ไฟต้องลุกพึ่บพั่บหน่อยสิ แล้วที่พี่เสนอนี่เพราะเห็นว่าน้องทำน้ำปลาหวานได้ ก็ทำใส่กระปุกไปขายด้วย ดีไหม ตลาดนั้นคนเยอะ รับรองว่าต้องขายดี พี่เชื่อนะว่าน้องตอบลูกค้าได้แน่ว่าเอาไปทำแช่อิ่มยังไง เอาไปทำนั่นนี่ยังไง ขายของไม่ยากหรอก เด็ก ป.สอง ก็ขายได้ เขายื่นเงินมา เราส่งของไป ก็เท่านั้นเอง ไม่เห็นยากตรงไหน”

เมื่อเห็นเธอนิ่งคิด เขารีบพูดต่อ “เดี๋ยวพอได้กำไรมา ขี้คร้านจะติดใจอยากไปขายทุกนัด แล้วเงินที่ได้จากค่ามะม่วง พี่แบ่งให้น้องครึ่งหนึ่งด้วย โอเคไหม”

“ขวัญขอไปคิดอีกหน่อยได้ไหมคะ กลัวว่าที่บ้านไม่อนุญาต”

“หาเงินเข้าบ้าน เขาต้องยอมสิ ก็เราบอกพี่เอง ว่าพ่อกับแม่อยากให้มีรายได้ ไม่ใช่หรือ”

“ก็ใช่ค่ะ แต่ไปขายของตลาดนัดแบบนี้ ไม่รู้เขาจะโอเคไหม”

“โอเคสิ ตลาดนี้ ออกแนวไฮโซ ไม่ใช่ตลาดนัดซกมกที่ไหนนี่ คนที่ไปขายก็มีงานประจำทั้งนั้น บางคนเป็นแอร์ เป็นพนักงานบริษัท รับรองไม่เสียเกียรติภูมิลูกสาวเขาแน่”

“ที่จริงขวัญเองไม่เกี่ยงหรอกนะคะว่าเป็นตลาดแบบไหน อะไรที่เป็นรายได้ ขวัญก็อยากทำทั้งนั้นละ แต่ว่า...ไม่รู้สิ” หญิงสาวมีท่าทางไม่มั่นใจ “ยังไง ขวัญจะบอกพี่อีกทีนะคะ”

คนชวนหันหน้าไปซ่อนถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนตอบ “ได้ๆ แล้วพี่จะรอคำตอบนะ...ไป เรากลับบ้านกัน”

 

 

** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com