ทดลองอ่าน ปลายปากกาอินเลิฟ 2 เรื่อง 'เลิฟโค้ช คนที่รัก' รักนะ นายโค้ชนอกตำรา : ตอนที่ 8

 

 

ตอนที่ 8

 

 

พีศรุตจบคอร์ส ‘ไม่เกิน ๖๐ วัน ฝันจะเป็นจริง’ ด้วยปัจฉิมบรรยายที่สร้างความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าให้กับผู้เข้าอบรม บรรยากาศในคลาสขณะที่ทุกคนร่วมจับมือร้องเพลง ‘ศรัทธา’ ไปพร้อมวีดิทัศน์ที่อยู่หน้าจอนั้น ให้ทั้งความฮึกเหิม ให้ทั้งความอาลัย

ของขวัญคิดไม่ตก แล้วต่อไปนี้เธอจะทำอะไรต่อ ตอนนี้ทฤษฎีการสู้ชีวิตมีเต็มเปี่ยม แต่ทำไมหนทางยังดูตีบตันเหลือเกิน อาจารย์พีที่วันแรกดูจะสนใจเธอเป็นพิเศษ พอจบคอร์สวันสุดท้าย เขาก็ไม่ชายตาแลหรือเอ่ยลาสักคำ เขาเดินลิ่วๆ ออกไปเหมือนนักเรียนทุกคนหมดประโยชน์ในทันที

เกือบสัปดาห์มาแล้วนับแต่เข้าคอร์สพัฒนาตนเองจนจบ แต่หญิงสาวรู้สึกว่า ชีวิตยังเลื่อนลอย อุตส่าห์เสียเงินมากมายไปกับการเข้าคอร์ส แต่ยังเคว้งคว้างเหมือนเดิม หรือเธอควรจะลองไปขายมะม่วงน้ำปลาหวานกับสุดเขต เธอยังไม่ได้ตอบเขา เพราะยังไม่มั่นใจว่าจะทำได้ และกลัวว่ามารดาจะไม่อนุญาต แต่ว่า...ไม่ลองขอ ก็ไม่รู้

“เอาสิ ถ้าไปขาย แล้วแกได้ค่าน้ำค่าไฟมาให้บ้างมันก็ดี นายเขตนั่นก็คงไว้ใจได้มั้ง แม่ก็เห็นเขามานานหลายปีแล้ว”

มารดาซึ่งปกติจะไม่ค่อยให้เธอไปสุงสิงกับเพื่อนบ้าน กลับอนุญาตง่ายกว่าที่เธอคิด ของขวัญรู้สึกดีใจ

เธอนั่งคิดทบทวนกับตัวเองอีกครั้งก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

----------

ที่บ้านหลังสุดท้ายปลายซอย สุดเขตพยายามระงับความตื่นเต้นไว้เมื่อเห็นว่าใครเป็นคนโทร.มา

“พี่เขตอยู่บ้านไหมคะตอนนี้”

“อยู่จ้า กำลังเก็บมะม่วง ก็ที่จะเอาไปขายพรุ่งนี้นั่นละ นี่เสร็จพอดี น้องมีอะไรหรือเปล่า”

“ก็เรื่องขายมะม่วงที่พี่เคยเสนอนั่นแหละ พี่ยังจะให้ขายหรือเปล่า ขอโทษที่ขวัญคิดช้าไปหน่อย ตอนนี้คิดว่าโอเคน่ะค่ะ”

“ฮ้า! จริงเหรอ ดีใจจัง”

“งั้นเดี๋ยวขวัญเดินไปหาพี่ที่บ้านดีกว่านะคะ จะได้คุยรายละเอียดกัน”

“อ๊ะ เยี่ยม งั้นรีบๆ มาเลย พี่จะรอนะ”

วางหูไปแล้ว สุดเขตก็รู้สึกลิงโลดปนเลิ่กลั่ก เขารีบกระโดดเข้าห้องน้ำ อาบน้ำอาบท่าอย่างว่องไว ไม่กี่นาทีก็สะอาดเอี่ยมในชุดเสื้อยืดแบรนด์ดังสีขาว กับกางเกงขาสั้นผ้าเนื้อดี ผมเผ้าหวีเข้าทรง ปัดกวาดบ้านช่องห้องใต้ถุนเรือนให้ดูน่านั่ง...บัดนี้เขาพร้อมแล้วที่จะต้อนรับนางฟ้าบ้านต้นซอยที่กำลังเดินทางมาหาเขาอย่างที่เขาเองก็ไม่คาดฝัน

ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตื่นเต้นขนาดนี้ ใจเต้นโครมครามจนต้องนึกด่าตัวเอง บ้าไปแล้วกู!

...ไม่กี่นาทีถัดมา...ของขวัญเดินเข้าไปนั่งที่มุมรับแขกที่เปิดโล่ง มีลมพัดเย็นสบาย ทักทายกันครู่หนึ่งเธอก็เล่าให้ชายหนุ่มเจ้าของบ้านฟังว่าได้รับฉันทานุมัติมาแล้ว

“พี่ดีใจจริงๆ ถือเป็นก้าวแรกที่น้องกล้าหาญ และจะทำให้มีโอกาสดีๆ ต่อไป อันนี้ถือว่าเริ่มออกนอกกรอบแล้ว ต่อไปบินได้เลย”

“แหม...” เธอค้อน “พูดซะยังกับอาจารย์พีหรือไม่ก็พวกไลฟ์โค้ชทั้งหลายเลยนะคะ พูดเหมือนไม่ใช่พี่เขตคนเดิม”

“เหรอๆ แล้วพี่คนเดิมเป็นยังไง”

“ก็ง่ายๆ พูดจาแบบบ้านๆ ไม่ต้องมีคำเท่ๆ คำคมๆ”

สุดเขตหัวเราะร่า สงสัยตัวเองอยู่เหมือนกันว่าวันนี้ทำไมเขาถึงอารมณ์ดีนัก ความสุขมาจากไหน ทำไมแล่นปรู๊ดปร๊าดไปทั่วร่าง

“อ้าว นึกว่าชอบ พี่เห็นน้องเป็นลูกศิษย์อาจารย์พี ชื่นชมเขามาก พี่ก็อยากเป็นแบบเขาบ้าง โอเคๆ ล้อเล่นจ้า อย่าโกรธนะ มาเข้าเรื่องดีกว่า เอาเป็นว่าพรุ่งนี้น้องเตรียมของให้พร้อม คิดว่าจะทำสักเท่าไร สำหรับมะม่วงพี่มีเยอะ ตามที่เห็นนั่นละ” เขาบุ้ยปากไปที่มะม่วงเบาหลายตะกร้าที่วางอยู่ ก่อนจะพูดกึ่งเล่นกึ่งจริง “บางทีพี่ก็คิดว่าหรือจะเปลี่ยนอาชีพไปเป็นเกษตรกรดี เพราะเจ้ามะม่วงนี้มันเอาเวลาจากงานประจำไปเยอะ ไม่ว่าเรื่องการดูแลรักษา มาถึงแจกจ่าย เอ้า นี่ต้องไปขายอีก”

“คนมีทางเลือกหลายทางก็กลุ้มเหมือนกันสินะคะ อย่างขวัญไม่มีทางเลือกสักทางก็กลุ้มอีกแบบ ส่วนที่ว่าจะทำเท่าไร ก็นี่ไงคะ ขวัญมาดูมะม่วงว่ามีเท่าไร กะว่าจะทำเป็นชุดให้พอดีกัน มะม่วงหกหรือแปดลูกต่อน้ำปลาหวานกระปุกหนึ่ง ดีไหมคะ ทำซักสี่ห้าสิบชุดน่าจะพอ หรือจะหั่นมะม่วงใส่ถุงเป็นชิ้นๆ แบบที่เขาขายๆ กัน แต่ขวัญก็กลัวว่าจะทำไม่ทัน เพราะเดี๋ยวต้องออกไปตลาด ซื้อของมาทำ แล้วก็ซื้อพวกถุงใส่มะม่วง ใส่น้ำปลาหวาน แต่คิดอีกที ถ้าใส่กระปุกน่าจะดูดีกว่าหรือเปล่าคะ เพราะตลาดนี้เป็นตลาดคนมีตังค์”

“ดีๆ” สุดเขตมองเธออย่างทึ่ง แล้วเอ่ยปากชมไม่หยุด “นี่ขวัญคนเดิมหรือเปล่า ทำไมเก่งยังกะแม่ค้ามืออาชีพ พี่เองคิดแค่ว่าให้ขวัญทำน้ำปลาหวานมาวางด้วยเท่านั้น มะม่วงก็ขายเป็นกิโลๆ ไป”

“ก็ทำสองอย่างไงคะ ใครอยากซื้อแบบนั้นก็ได้ ใครอยากซื้อเป็นชุดก็ได้”

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปตลาดด้วยดีกว่า จะได้ช่วยเลือกพวกกล่อง พวกกระปุกต่างๆ แล้วก็...” เขาดีดนิ้วเปาะ “เดี๋ยวพี่ออกแบบโลโก้ให้ พรินต์ลงสติกเกอร์ แปะที่กล่องเลยดีไหม จะได้ดูเป็นของมีแบรนด์หน่อย”

“เอางั้นเลยหรือคะ แค่ไปขายวันเดียวเนี่ยนะ เล่นใหญ่ไปหรือเปล่า”

“ไม่ใหญ่หรอก บ่ายนี้พี่ว่าง ก็ว่างไปจนถึงเข้านอนนั่นแหละ น้องทำน้ำปลาหวานไป พี่ก็ทำสติกเกอร์ชื่อร้านแปะไป ทำแป๊บเดียว เดี๋ยวค่ำๆ ก็เสร็จ ทำแค่ห้าสิบชุด หมูมาก”

“แล้วใช้ชื่ออะไรดีคะ” ท่าทีมาดมั่นเมื่อครู่เริ่มเปลี่ยนไปเป็นลังเล เมื่องานง่ายๆ กำลังจะถูกสุดเขตขยายเป็นงานยาก “บอกเลยว่าขวัญไม่ได้คิดไปถึงขั้นนี้นะ ขวัญคิดแค่ทำน้ำปลาหวานใส่กระปุก”

“แต่พี่ว่าไหนๆ เราทำแล้ว ก็ทำให้ดีไปเลย คิดเผื่ออนาคตนิดหน่อย เผื่อวันนี้ไปได้สวย เราอาจหาแผงของตัวเองในวันหน้า”

“หือ...เรา...เหรอคะ” เธอถาม ตาสบตาที่มีประกายคมกล้าของอีกฝ่ายแล้วรีบหลบ

“ก็เราสองคนนั่นแหละ หรือขวัญคิดว่าจะขายแต่น้ำปลาหวาน ไม่ต้องมีมะม่วงบ้านพี่”

“โอ๊ย ตกลงจะให้ขวัญเป็นแม่ค้าถาวรเหรอคะ ขวัญทำของกินได้ แต่นี่ไม่ใช่ทางเลยนะคะ”

น้ำเสียงเธอติดโวยเล็กน้อย ใจยังคิดถึงงานเขียนนิยายที่เป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ แต่นี่สุดเขตกำลังพูดเหมือนจะให้เธอเป็นแม่ค้ามะม่วงน้ำปลาหวานไปตลอดชีวิต

“เอาน่ะ คิดเผื่อนิดเดียว มันไม่เสียหลายอะไรเลยนี่ ถ้าไม่เวิร์กก็ล้มความคิด แค่นั้นเอง แล้วกัน! อาจารย์พีไม่ได้บอกน้องหรือ ว่าคนเราต้องมีความ...”

“พอค่ะพอ” ของขวัญหน้าง้ำ ค้อนเขาขวับๆ “ทำไมพี่ต้องพูดถึงอาจารย์พีอยู่เรื่อย ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ สิ่งที่ขวัญได้จากเขาทำให้ขวัญพัฒนาขึ้นแน่นอน อย่างวันนี้ที่เป็นก้าวแรกที่ขวัญกล้าอย่างที่พี่พูด ก็เป็นแรงบันดาลใจมาจากอาจารย์นั่นละ ปกติคนอย่างขวัญจะกล้าขนาดนี้เหรอ”

คราวนี้ชายหนุ่มนิ่งไป สีหน้าขรึมลงเล็กน้อย แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นก่อนที่น้ำเสียงเริงรื่นจะตามมาเช่นเคยๆ

“รับทราบคร้าบ งั้นไปตลาดกันเลยไหม เวลายิ่งน้อยๆ อยู่ เราต้องเร่งทำงานแล้ว ส่วนชื่อแบรนด์เดี๋ยวไปคิดกันในรถดีไหม คิดอะไรไม่ออกก็เอาชื่อแม่ค้านั่นแหละ ง่ายดี เพราะด้วย”

ที่ตลาดสองหนุ่มสาวใช้เวลาในนั้นไม่นานก็ได้ของครบ เมื่อกลับขึ้นมากันบนรถอีกครั้ง สุดเขตบอกว่า

“เดี๋ยวพี่จะเอากระปุกพวกนี้ไปแปะป้ายให้ก่อนนะ เสร็จแล้วจะไลน์บอก เย็นๆ ก็น่าจะเสร็จ ส่วนชื่อแบรนด์ เอาตามที่เราคุยกันขามาแน่นะ ไม่เปลี่ยนแล้วแน่นะ”

“ค่ะ เอาชื่อ ขวัญหวาน ที่ย่อมาจาก ขวัญน้ำปลาหวาน”

แล้วเธอก็หัวเราะคิกกับชื่อนี้ เขาเองผสมโรงไปด้วย เมื่อส่งหญิงสาวลงที่หน้าบ้านแล้ว สุดเขตอดคิดไม่ได้ว่า ชื่อแบรนด์ที่ของขวัญคิดเองนี้ ช่างสร้างสรรค์สมกับที่เจ้าตัวเป็นพวกนักฝัน เขาเองคิดตั้งให้อยู่ในใจก็หลายชื่อ แต่ไม่กล้าเสนอเธอ ก็ในเมื่อทำด้วยกัน คิดด้วยกัน เขาก็อยากให้ชื่อแบรนด์ว่า ‘ขวัญเขต’ หรือไม่ก็ ‘เขตขวัญ’

แต่คิดอีกที สองชื่อนั้นก็ไม่เหมาะกับของกินเท่าไร ถ้าจะเหมาะจริงๆ ก็น่าจะเป็นชื่อลูกชาย กับลูกสาว มากกว่า

รถซิตีคาร์คันสีเขียวจอดที่หน้าบ้านสุดซอยของเขาพอดี ชายหนุ่มจึงรีบจบความคิดฟุ้งซ่านอย่างเร็ว แล้วด่าตัวเองอีกครั้ง “กูต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!”

 

 

** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com