สุดเขตชะลอรถจนเกือบเป็นหยุดเมื่อถึงจุดที่นัดกับของขวัญไว้เมื่อวานว่าจะมารับ เขาพยายามสอดส่ายสายตามองหาเท่าไรก็ไม่เห็นเพื่อนบ้านสาวมายืนรอ
‘สงสัยยังไม่เสร็จ หรือไม่ก็แอบหนีกลับไปแล้ว’ เขาคิดขณะที่ต้องเคลื่อนรถออกไปอย่างจำใจเพราะรถคันหลังบีบแตรไล่แล้ว อารมณ์ผิดหวังผุดขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อรู้สึกว่าเธออาจจะยังไม่เชื่อใจเขา แต่ก็...ไม่น่าจะใช่ ถ้าคิดแบบนั้นเธอก็คงไม่ติดรถเขามาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มือแตะพวงมาลัย ใจยังครุ่นคิด เธอบอกเขาว่าถ้ามองไม่เห็นเธอ ให้ขับผ่านไปได้เลย เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าในคลาสจะมีบรรยายเกินเวลาหรือกิจกรรมอะไรอื่นอีกหรือเปล่า
ชายหนุ่มตัดสินใจขับชิดขวาไปจนถึงทางยูเทิร์นข้างหน้า เขาพารถย้อนกลับไปถนนอีกฟาก แล้วเลี้ยวกลับมาเส้นทางเดิมอีกครั้ง มันกินเวลาราวๆ สิบห้านาทีได้กระมังกว่าจะมาถึงจุดเดิม
แล้วเขาก็ยิ้มออก เมื่อคราวนี้เห็นเธอยืนอยู่ที่ป้ายรถตรงนั้น โชคดีจริงๆ ที่รถเมล์ขาดช่วง ทำให้เธอยังคงยืนรอรถอยู่ที่เดิม แต่ท่าทางยืนวันนี้ดูสบายๆ ไม่กระวนกระวายแบบเมื่อวาน
ของขวัญรู้สึกแปลกใจที่เห็นรถคันสีเขียวของสุดเขตแล่นมาจอดรับ เมื่อขึ้นรถมานั่งพร้อมคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว เธอก็ถามขึ้นว่า
“ทำไมพี่เขตถึงมารับขวัญได้คะ นี่มันเลยเวลานัดมาตั้ง...” เธอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู “ตั้งเกือบยี่สิบนาที”
“พี่มารอบหนึ่งแล้วละ แต่ไม่เห็นเรายืนอยู่ ก็เลยไปวนมาอีกครั้ง กะว่าครั้งนี้ถ้าไม่เจอ ก็จะเลยไปเลย”
“โอ้โห ไม่เห็นต้องลำบากขนาดนั้น ขวัญบอกแล้วไงคะว่าถ้าไม่เจอ ให้ผ่านไปได้เลย”
“มันก็ไม่ได้ลำบากอะไรนี่นา แค่วนมาอีกรอบ ลำบากตรงไหน ใกล้นิดเดียว รถก็ไม่ติด ขับไปมาแค่นี้เปลืองน้ำมันไม่ถึงห้าบาทมั้ง”
หญิงสาวจึงต้องหัวเราะไปกับเขาด้วย สุดเขตช่างเป็นผู้ชายที่มองโลกแง่บวก มีอัธยาศัยดีจนเธอรู้สึกเสียดายที่ไม่เคยพูดคุยกับเพื่อนบ้านคนนี้มาก่อน แต่เอาเถอะ ตอนนี้ก็ยังไม่ถือว่าสายอะไร
“ขอบคุณพี่เขตมากๆ นะคะ วันนี้อาจารย์เขาบรรยายเกินเวลาก็เลยออกมาช้า ที่จริงขวัญเองก็เป็นคนตรงเวลาเหมือนพี่นั่นแหละค่ะ”
“งั้นพรุ่งนี้ออกมารอพี่เหมือนเดิมนะ อ๊ะ ห้ามถามอะไรอีก อธิบายไปแล้วไง ว่ายังไงก็ต้องผ่านทางนี้อยู่แล้ว ช่วงน้องอบรมนี่พี่ยินดีเป็นสารถีให้เลย”
ของขวัญไม่พบพิรุธใดๆ ในน้ำเสียงที่สุดร่าเริงและจริงใจของคนพูด เธอจึงตอบตกลงไปอีกครั้ง คนรับอาสามีท่าทางดีใจ เขาชวนคุยต่อ
“เออ ขวัญนี่ชื่อจริงว่าไงเหรอ มีคำท้ายหรือคำหลังไหม อย่างขวัญใจ ขวัญตา ขวัญชีวา หรือ ขวัญแก้ว แก้วขวัญ”
เธอหัวเราะร่วนกับการยกตัวอย่างของเขาก่อนจะบอกว่า “ของขวัญค่ะ ชื่อของขวัญ”
ชายหนุ่มหันมาทำตาโต ทำปากจึ๊กจั๊ก พยักหน้าหงึกหงักก่อนพูดว่า
“ชื่อเพราะดีแฮะ สงสัยคุณแม่คลอดออกมาเป็นของขวัญให้สิท่า พี่พูดถูกไหม เด็กผู้หญิงที่ชื่อนี้ คิดเป็นอื่นไม่ได้เลย”
“พี่ก็ช่างเดาเสียจริง” เธอพูดยิ้มๆ ก่อนอธิบาย “ไม่ใช่หรอกค่ะ ขวัญไม่ใช่ลูกแท้ๆ หรอก”
คราวนี้คนฟังชะงักไปเล็กน้อย อาการรื่นเริงสงบลง เขาเงี่ยหูฟังเธอพูดต่ออย่างตั้งใจ
“พ่อกับแม่ไปขอขวัญมาจากสถานสงเคราะห์ ก็เลยตั้งชื่อว่าของขวัญ ที่พี่เดาก็...มีส่วนถูก เพราะท่านคงรู้สึกเหมือนได้ของขวัญมามั้งคะ แต่น้องอีกสองคนเป็นลูกคุณพ่อคุณแม่จริงๆ ค่ะ ตอนไปขอขวัญนี่ พวกท่านไม่มีลูกอยู่หลายปี ถ้ารู้ว่าจะมีเองอีกตั้งสองคน ขวัญคงไม่ได้มาอยู่ที่นี่หรอก ขวัญว่าขวัญก็...โชคดีที่เขาไปรับมาก่อน”
ชายหนุ่มยังนิ่งไปหลายวินาที นี่เป็นเรื่องใหม่จริงๆ เขาอยู่ซอยนั้นมาก็นาน เห็นลูกบ้านนั้นมีสามคน แต่ไม่ยักรู้ว่าคนโตคือเด็กที่ขอมาเลี้ยง...ก็แล้วทำไมใจตอนนี้รู้สึกหม่นหมองขึ้นเล็กน้อยนะ จู่ๆ ก็สงสารเธอขึ้นมา ทั้งๆ ที่เจ้าตัวเอง ขณะที่พูดก็ไม่มีทีท่าว่าจะเศร้าสร้อยแต่อย่างใด น้ำเสียงเธอปกติมาก และยังมีทัศนคติที่ดีต่อตัวเองต่อครอบครัวอีกด้วย
“อืม...โชคดีจริงๆ นั่นแหละ เด็กกำพร้าหลายคนไม่มีโอกาสแบบนี้ พวกนั้นลำบากกว่าน้องเยอะ แล้วน้องพอจะรู้จักพ่อแม่ที่แท้จริงของตัวเองไหม”
เธอส่ายหน้า เขาพูดต่อ
“แล้วเคยนึกอยากรู้หรือเปล่า”
“เคยค่ะ แต่แค่อยากรู้เฉยๆ นะคะว่าเขาเป็นใคร ไม่ได้คิดว่าจะต้องตัดพ้อต่อว่าหรือไปหา เพราะเขาก็คงมีความจำเป็นที่ทำให้เลี้ยงดูเราไม่ได้ พ่อกับแม่บุญธรรมก็รักและเลี้ยงเรามาอย่างดีจนจบปริญญา ขวัญว่าตัวเองก็โชคดีมากแล้ว”
ชายหนุ่มรู้สึกชื่นชมความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ของเธอ เขาหยุดคุยเรื่องนั้น แล้วเล่าเรื่องราวของเขาเองให้เธอฟังบ้าง
“พ่อแม่พี่อยู่ต่างจังหวัด ฐานะก็ไม่ได้ดีเด่ แค่พออยู่ได้และพอจะมีปัญญาส่งพี่มาเรียนกรุงเทพฯ ได้ โชคดีที่มีญาติ พี่เลยได้มาพักบ้านญาติ ก็บ้านที่อยู่ปัจจุบันนี้แหละ พี่เรียนจบทำงาน ญาติเขาไปอยู่ที่อื่น พี่ก็เลยซื้อบ้านนี้ต่อจากเขาในราคาญาติๆ แต่ก็ยังผ่อนอยู่นะ นี่เริ่มลำบากแล้ว” เขาหัวเราะ ท่าทางเริงรื่น ตรงข้ามกับคำพูดที่บอกว่าลำบาก “เพราะรายได้เริ่มลด สงสัยเดือนนี้ต้องของดส่งไปก่อน”
ของขวัญถือโอกาสนี้ถามถึงงานการของสุดเขต จึงทำให้ได้รู้ว่าเขาทำงานอะไรอยู่บ้าง ที่จริงสายงานแบบนี้ก็มีรายได้มากพอตัว แต่ภาระที่เขาต้องส่งให้ครอบครัวที่ต่างจังหวัด กับการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ทำให้เขาเองก็ต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง
แต่อย่างไรก็ตาม ของขวัญคิดว่าเพื่อนบ้านหนุ่มคนนี้ก็ยังดีกว่าเธอมากมาย ดูชีวิตเขามีอิสระ เขาอยู่บ้านหลังนั้นคนเดียวแบบไม่มีใครต้องมากำหนดให้ทำเรื่องนั้นเรื่องนี้
ว่าแต่ว่า...เขามีแฟนหรือยังนะ รูปร่างหน้าตาเขาก็พอดูได้ อัธยาศัยก็ดี น้ำใจไม่ต้องพูดถึงมีเหลือเฟือ ผู้ชายแบบนี้ไม่น่าจะไม่มีคนรัก แล้วจู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมาเหมือนรู้ว่าของขวัญกำลังคิดอะไร
“โชคดีนะที่ไม่มีครอบครัว ไม่มีภาระ แฟนเฟินก็ไม่มี ไม่ต้องพาเขาไปเลี้ยงข้าว เลี้ยงน้ำ...อ้า...เดี๋ยวพี่ขอแวะปั๊มหน่อย น้องไม่รีบใช่ไหม”
“ไม่รีบค่ะ แวะเลย ปั๊มก็อยู่ใกล้ซอยบ้านเราเอง”
“นี่ไม่ได้แวะฉี่หรอกนะ” ชายหนุ่มว่า คำพูดที่เหมือนสนิทสนมกันแรมปีทำเอาหญิงสาวหัวเราะก๊าก “พี่จะแวะร้านกาแฟ จะเข้าไปคุยเรื่องงานเขาหน่อย แป๊บเดียวๆ”
“ได้ค่ะ ตามสบาย ขวัญก็ไม่รีบ แวะซื้อกาแฟกินสักแก้วก่อนเข้าบ้านก็ยังได้เลย”
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **