นรธีร์เคยขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชายบ้างานคนหนึ่ง แต่ตั้งแต่แต่งงานกับรงรอง เขากลับบ้านเร็วขึ้นกว่าเดิมทุกวัน จนวันนี้เขาอึดอัดในหัวใจไปหมด เมื่อการประชุมตอนบ่ายสิ้นสุดลงและเลขาบอกว่าเขาไม่มีนัดที่ไหนอีก ชายหนุ่มก็พบว่าตัวเองขับรถมาถึงหน้าเรือนหอของเขากับรงรองแล้ว ชายหนุ่มจอดรถอยู่หน้ารั้วอยู่นาน กว่าจะรวบรวมความกล้ากดรีโมตเปิดประตูรั้ว แล้วขับเข้าไปจอดในโรงรถอย่างเงียบเชียบ
ใบไม้จากต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านร่วงหล่นลงพื้นตอนที่เขาเดินผ่าน ก่อนที่ชายหนุ่มจะเปิดประตูบ้านบานใหญ่เข้าไป เขาเกือบจะตะโกนเรียกภรรยาอยู่แล้วด้วยความเคยชิน แต่ดวงตาคมก็เหลือบไปเห็นร่างบอบบางนอนอยู่บนโซฟาของห้องรับแขกเสียก่อน รงรองสวมแว่นเหมือนอย่างทุกครั้งที่เธอไม่ได้ใส่คอนแท็กต์เลนส์ เธอสวมเดรสที่เขาซื้อให้ซึ่งตัดเย็บจากผ้าชีฟองสีส้มโอลด์โรสยาวถึงข้อเท้า แขนเสื้อยาวถึงข้อมือ และมีเชือกสีขาวเล็กๆ มัดเป็นโบให้ชายข้อมือขยุ้มเข้าหากัน ชุดนี้มีผ้าตัดเย็บไว้ที่รอบเอวบาง แล้วเธอยังสวมผ้ากันเปื้อนด้วย ผ้าโพกผมสามเหลี่ยมที่รงรองสวมศีรษะไว้ทำให้เห็นไรผมด้านในสีแดงเพลิงชัดเจน
มือบางยังจับไม้ขนไก่อยู่เลย ดูเหมือนเธอจะกำลังทำความสะอาดบ้าน แต่ดันเผลอหลับไป
นรธีร์เดินมานั่งยองตรงหน้าหญิงสาว เห็นใบหน้าเธอยามหลับใหลแล้วก็อมยิ้มเอ็นดู ก็แหงละสิ เธอเอาแต่แอบคลุมโปงดูคลิปแฟชั่นโชว์จนดึกดื่น จะไม่ให้ง่วงได้ยังไง
นรธีร์เกลี่ยเส้นผมสีดำสลับแดงของภรรยาด้วยความสับสน ถึงเขาจะเป็นคนหัวเก่า ชอบอะไรเก่าๆ ผมสีดำ ผู้หญิงเรียบร้อย แม่บ้านแม่เรือน แต่พออยู่ร่วมกันกับเธอได้ไม่นาน อะไรก็ตามที่เป็นรงรองกลับค่อยๆ กะเทาะเปลือกของความยึดมั่นถือมั่นที่ห่อหุ้มหัวใจเขาไว้ จะว่าไปผมสีแดงก็น่ารักดี เธอทำงานบ้านไม่สะอาด ทำอาหารไม่ได้เรื่อง ก็ไม่ใช่ปัญหา เขามีเงิน เขาจ้างสาวใช้มาทำให้เธอได้
ชายหนุ่มลูบแก้มนิ่มๆ ด้วยความเสน่หา ก่อนจะลูบปลายนิ้วลงมาจับไม้ขนไก่ออกจากมือนิ่ม ปลายนิ้วมือของเขาสะดุดแหวนทองคำขาวประดับทับทิมล้อมเพชรที่เป็นแหวนประจำตระกูลของเขาเอง มารดามอบให้นพวินทร์หมั้นหมายกับเธอ เมื่อเขาต้องมาเข้าพิธีแต่งงานแทน แหวนวงนี้ก็ยังถูกนำมาใช้เพราะเป็นของสำคัญ
เห็นแหวนนี่ทีไรก็คิดถึงตอนที่เธอเป็นคู่หมั้นของน้องชายทุกที
ตอนที่เธอเป็น ‘ผู้หญิงต้องห้าม’ สำหรับเขา...
“งาม...” ชายหนุ่มกระซิบเรียก พร้อมกับเกลี่ยปลายนิ้วโป้งที่แก้มนิ่ม รงรองสะดุ้งตื่น ลืมตามองเขาสะลึมสะลือ
หญิงสาวงุนงงด้วยความง่วงงุนว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอนอนตรงนี้ แล้วทำไมนรธีร์ถึงมานั่งอยู่ใกล้ชิดจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของเขา ก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อเฉิดกับฉายกลับไปตอนเที่ยง เธอก็อาบน้ำอาบท่า สวมเสื้อผ้าที่เขาชอบ คือปิดหมดตั้งแต่ลำคอจรดปลายเท้า
รงรองตั้งใจว่าจะแต่งตัวถ่ายรูปอัปลงอินสตาแกรมให้นรธีร์เห็นเสียหน่อยว่าเนี่ย เธอทำงานบ้านอยู่นะ! แต่พอถ่ายรูปแล้ว แต่งสีอัปไปแล้วก็ง่วง ง้วงง่วง! เลยกะว่าจะนอนพักสักงีบแล้วค่อยตื่นก่อนเขาจะกลับบ้าน เธอเลยตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอนห้าโมงเย็น แต่นี่นาฬิกายังไม่ทันปลุก เธอก็ลืมตามาเห็นเขาแล้วเนี่ย
หรือว่าจะเป็นความฝันกันนะ...
พอคิดได้ดังนั้น เรียวปากอิ่มก็บิดเป็นรอยยิ้มหวาน เธอยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าสากระคายของเขา อดคิดไม่ได้ว่าขนาดในความฝัน ตอหนวดของเขายังจั๊กจี้มือดีจัง แล้วรงรองก็ทำในสิ่งที่นรธีร์คาดไม่ถึง
คือขยับใบหน้ามาใกล้ แล้วจูบเขาที่ริมฝีปากอย่างนุ่มนวล
“พี่ธีร์ทำหน้าที่พี่ชายให้งามมาทั้งชีวิตแล้ว ไม่คิดจะทำหน้าที่สามีบ้างเหรอคะ”
เธอกระซิบถามเขาชิดริมฝีปาก ดวงตายังคงปิดลงด้วยความเคลิ้มฝัน ริมฝีปากนุ่มนิ่มประทับกับริมฝีปากของเขาเบาๆ แล้วผละออก แตะอีกครั้ง แล้วผละออก เหมือนจะยั่วยวนกัน
นรธีร์ยิ้มชิดริมฝีปากหวาน ก่อนกระซิบตอบเสียงพร่าสั่น
“พี่ว่าพี่คิด...มากกว่าที่งามจะจินตนาการได้ด้วยซ้ำ”
“อื้อ!” รงรองหลับตาปี๋ หายใจสะดุด ยกมือขึ้นกำอกเสื้อเขาเมื่อชายหนุ่มกดจูบลงมาดุดันจนเธอหายใจหายคอแทบไม่ทัน หญิงสาวเริ่มรู้สึกตื่นเต็มตาทีละน้อย ก่อนจะค้นพบว่ารสจูบดูดดื่มหวานซาบซ่านเหมือนน้ำผึ้งมะนาวหาใช่ฝันไป แต่ร่างกายรุ่มร้อนของเขาอยู่ในกำมือของเธอ ริมฝีปากของเขาและเล็มแสวงหาความหวานอย่างตะกรุมตะกรามเหมือนคนที่หลงทางอยู่ในทะเลทรายมานาน ก่อนจะพบแหล่งน้ำชื่นใจ
แว่นสายตาที่สวมถูกเขาถอดออกอย่างง่ายดาย แล้ววางมันไว้ข้างไม้ขนไก่บนโต๊ะเล็กหน้าโซฟา เมื่อลืมตาอีกครั้ง สาวสายตาสั้นอย่างรงรองก็เห็นเขาถอดเสื้อตัวเองเป็นภาพเงารางๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะทาบทับร่างกายใหญ่โตของเขาบนเรือนกายอ่อนนิ่มของหญิงสาว ริมฝีปากรุ่มร้อนไถลไปตามพวงแก้มอ่อนนุ่ม สองมือแกร่งตะโบมโลมลูบไปทั่วร่างกายสาวสด และนี่เป็นครั้งแรกที่นรธีร์รู้สึกหงุดหงิดกับเสื้อผ้าเกะกะที่เธอสวม
ทั้งที่ชุดนี้ เขานี่แหละที่ซื้อมาให้เธอเอง
ชายหนุ่มดึงโบด้านหลังของผ้ากันเปื้อนออกแล้วดึงมันออกจากร่างกายของเธอทางศีรษะ เสื้อผ้าชีฟองเนื้อบางเกะกะมีเม็ดกระดุมเล็กๆ เรียงรายตั้งแต่คอเสื้อลงมาถึงบริเวณสะดือแล้วเป็นเข็มขัดผ้ารอบเอวเล็กคอด นรธีร์ซุกจูบซุกไซ้นอกเนื้อผ้าบนเนื้อเนินทรวงสล้าง ระหว่างนั้นสองมือหนาพยายามแกะกระดุมเสื้อของเธอ แต่มันเล็กและกลมดิ้นหลุดมือแกะไม่ออก
ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้ เลื่อนมือลงไปเลิกชายประโปรงของเธอจากข้อเท้าขึ้นมาจนค้นพบต้นขาอ่อนนิ่ม และความลึกลับสุดจะพรรณนาตรงกลางกายอ่อนไหวของเธอ
รงรองหลับตาครวญครางกับสัมผัสซาบซ่านที่เขาดึงดูดคลึงเคล้น เธอรับรู้ได้ว่าซับในตัวบางมันถูกถอดออกทางปลายเท้า พร้อมกับที่ใบหน้าของเขาจูบต่ำลงไป และกระโปรงของเธอก็ถูกถกขึ้นมากองกันที่เอว เปิดเผยความลับของวัยสาวให้เขาเห็นท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายพรายพร่าง
หญิงสาวครางเสียงสั่น ร่างกายงดงามแอ่นหยัดด้วยความซาบซ่านกรีดลึก! เมื่อปากและลิ้นของเขาแนบอยู่กับกุหลาบแสนหวาน เหมือนภมรหนุ่มกำลังดูดกลืนหยาดน้ำจากเกสรแสนชุ่มฉ่ำ หญิงสาวบิดกายเร่าด้วยความหฤหรรษ์ปนทรมาน เธอไม่รู้ว่าเส้นทางหอมหวานนี้จะจบตรงไหน กระทั่งที่เธอเกร็งกายรับความเสียวซ่านบาดใจ เหมือนมีดอกไม้ไฟเริงระบำอยู่ในช่องท้อง ก่อนจะพร่างหายไปในอากาศร้อนรุ่ม เหมือนร่างกายถูกห่อ หุ้มด้วยไฟกัลป์
นรธีร์รอจนเธอวางบั้นท้ายกลมกลึงลงกับโซฟาตัวนุ่มอีกครั้ง เขาเหลือบมองใบหน้าแดงก่ำด้วยความเอ็นดู ลมหายใจของชายหนุ่มหอบกระเส่าพอๆ กันกับลมหายใจแสนจะโยกคลอนอารมณ์ของหญิงสาว ทรวงอกอวบอิ่มขยับขึ้นลงตามแรงหายใจสั่นพร่าของเธอ เขาอยากจะเห็นข้างในชะมัด วันนั้นก็ไม่ได้ถอดจนหมดเพราะยังเหลือบราเซียร์ลูกไม้บดบังไว้
แต่กระดุมนี่มันถอดยังไงกันนะ โธ่เอ๊ย!
จะฉีกมันอีกก็ไม่รู้ว่าจะรุนแรงเกินไปหรือเปล่า นี่มันครั้งแรกระหว่างเรา เขาอยากทำให้ออกมาดี ไม่ใช่ใช้กำลังขย้ำเธอ
รงรองหรี่ตามองเมื่อเห็นชายหนุ่มขยับมาคร่อมร่างเธออีกครั้ง และเขากำลังง่วนอยู่กับการปลดกระดุมเสื้อของเธออยู่ หญิงสาวยิ้มด้วยความขบขัน เธอต้องพยายามกลั้นหัวเราะเพราะกลัวว่าเขาจะอายที่ถอดเสื้อเธอไม่ได้ แต่เพราะเขาไม่ได้พยายามปลดกระดุมอย่างเดียว แต่ต้นขาของเขาบดเบียดความอวบอิ่มบวมแดงตรงกลางกายสาวไปด้วย ทำให้เธอทั้งขำทั้งซ่านทรวง...ทว่าหญิงสาวก็เลือกที่จะจับมือเขา แล้วมองสบตา
“ของามอยู่ข้างบนได้ไหมคะ”
มันช่างเป็นความกล้าหาญของสาวพรหมจรรย์เช่นเธอ แต่รงรองไม่ใช่เด็ก เธออายุยี่สิบห้าปีแล้ว ถึงจะไม่เคยปฏิบัติ ก็ใช่ว่าจะไม่รู้จักทฤษฎี
นรธีร์มองสบตาด้วยประกายตาที่แสดงออกถึงความปรารถนาเปิด เผยจนสาวใจกล้าถึงกับใจสั่น เส้นขนทุกเส้นบนร่างต่างลุกชันขึ้นพร้อมกัน เขาช่างมีอิทธิพลกับหัวใจเธอจนน่ากลัว แค่เขามอง ยังไม่ทันขย้ำขยำเรือนร่างให้มอดไหม้ รงรองก็แทบจะขาดใจด้วยความตื่นเต้นซาบซ่านไปทั้งหัวใจแล้ว
แม้ไม่ได้ตอบ แต่ชายหนุ่มก็ฉุดให้เธอลุกขึ้นนั่งคร่อมเขาไว้ ก่อนจะดึงผ้าโพกศีรษะของเธอออก แล้วสอดนิ้วเข้าไปในเส้นผมอ่อนนุ่มยาวประบ่าด้วยความเสน่หา เส้นผมสีดำปนกับสีแดงยุ่งเหยิงไปหมดด้วยเหงื่อเม็ดเล็กๆ ที่พรั่งพรายออกมาตลอดเวลาที่ถูกเขาโรมรัน แต่รงรองไม่รู้ตัว เธอกำลังตั้งใจเอื้อมมือไปทางด้านหลัง รูดซิปเดรสออกจนสุดแถว แล้วถอดมันออกทางด้านบนศีรษะอย่างง่ายดาย
รงรองไม่ได้บอกเขาว่ากระดุมเม็ดเล็กๆ ที่เขาพยายามแกะออกนั่นมันเป็นกระดุมหลอกตา...ถ้าจะถอดต้องรูดซิปออกต่างหาก เขาก็คลำแต่ทางด้านหน้า ไม่ได้คลึงฝ่ามือไปทางด้านหลังเลยไม่ได้เจอซิปไง
ก่อนที่ชายหนุ่มจะรู้สึกอายที่เปลื้องผ้าภรรยาผิดทาง เธอก็ก้มลงจูบเขา จับสองมือของเขาให้เอื้อมไปทางด้านหลัง แน่นอนว่านรธีร์สะกิดครั้งเดียว ตะขอบราเซียร์ก็หลุดออกอย่างง่ายดาย
เรียวแขนสลักเสลาให้ความร่วมมือในการปลดเปลื้องพันธนาการชิ้นสุดท้ายออกจากเรือนกายนวลนุ่มอย่างว่าง่าย หัวใจของรงรองเต้นกระตุกไปหมดเมื่อเขากอบกุมบัวงามแสนหวานเอาไว้ เธอจูบเขาตะกุกตะกักด้วยความซ่านสะท้านใจ จนต้องถอนริมฝีปากออก แล้วเขาก็พลิกกายแกร่งคร่อมร่างเปลือยเปล่าเอาไว้อีกครั้ง
รงรองหน้าแดงซาบซ่านเมื่อเขาไม่ได้ทำอะไรเลย แค่เขาจ้องมอง อัญมณีสีหวานที่ประดับปลายยอดบัวงาม มันหดเกร็งรัดตัวแข็งตามแรงอารมณ์ของเจ้าตัว สั่นเทาเมื่อเขามองนาน และยิ่งสั่นสะท้านเมื่อเขารับมันไว้ในปากและมืออย่างเจนจัด!
หญิงสาวแทบจำไม่ได้ว่าเธอครางอะไรออกไปบ้าง เธอบิดตัวเร่า กระชากข่วนเขาไปกี่แผล และไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มเปลื้องกางเกงของเขาออกไปเมื่อไหร่ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เมื่อความเป็นเขาชิดเข้ามา
แนบสนิท เสน่หา เร้ารอนใจ...
“อ๊ะ!”
ร่างกายอ่อนระทวยที่เกร็งรับความเจ็บ ทำให้นรธีร์ชะงัก เขาก้มลงมองสบตาภรรยาสาวแสนสวย เห็นน้ำตาของเธอ เห็นความปวดแปลบในแววตา แบบที่เขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลย
อะไรวะ ก็เธอกับไอ้ดารานั่น...
“เจ็บ พี่ธีร์” เธอร้องไห้สะอื้น “งามเจ็บค่ะ”
นรธีร์อยากจะเขกกะโหลกตัวเองเท่าอายุเมื่อเขาเพิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่เห็น อาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นเสมอไป ชายหนุ่มเช็ดน้ำตาให้เมียรักของเขา ก่อนก้มลงไปจูบ ลูบไล้ปลายยอดของบัวกลมกลึงนุ่มนิ่มด้วยฝ่ามือหนาหยาบ สัมผัสเธอเบาๆ แต่เร้าอารมณ์ เบี่ยงเบนความสนใจ และค่อยๆ สนิทสนมกับเธอทีละน้อย อย่างอ่อนโยน แช่มช้า
และแล้ว เขาก็สนิทกับเธอมาก...แบบที่น่าจะเรียกว่ามากที่สุด หรือสุดทาง ไปต่อไม่ได้แล้ว
รู้สึกดีเป็นบ้าเลย
ชายหนุ่มยิ้มกับแก้มเปื้อนน้ำตาของรงรอง เขากอดเธอไว้และพยายามจะนิ่งที่สุดให้ร่างกายของเธอปรับสภาพรับเขา ยิ่งเธอสั่นเทา เขาก็ยิ่งเอ็นดูจนอดหอมแก้มเธอเบาๆ ไม่ได้
เขามันผู้ชายหัวโบราณ นรธีร์รู้ตัว
สาวพรหมจรรย์น่ะเหรอ ก็อยากได้เป็นเมียน่ะแหละ เขายอมรับ
แต่เขาวางมันลงไปแล้วเมื่อเขารู้ตัวว่าไม่ว่ารงรองจะเป็นอย่างไร ยังครองพรหมจรรย์หรือผ่านสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน เขาก็ยังรักเธออยู่ดี รักเท่าเดิม ไม่ลดน้อยลงไปเลย
แต่ที่เขาดีใจก็คือ เขาได้รู้ว่าเธอไม่ใช่มือที่สามที่ทำให้สามีภรรยาคู่นั้นเลิกกัน เธอไม่เคยไปยุ่งกับผู้ชายที่มีเจ้าของอยู่แล้วอย่างหน้าด้านๆ
เธอเป็นผู้บริสุทธิ์ เธอไม่ได้ทำอะไรเลย เธอแค่ตกเป็นเหยื่อของสื่อที่กระหายการขายข่าวเท่านั้น
และเขาก็เสือกโง่เชื่อไอ้ข่าวลวงโลกนั่นด้วย!
“พี่ธีร์ขา...คือ” รงรองถามเขาเสียงปนสะอื้น ชายหนุ่มจึงยกศีรษะขึ้นมองสบตาเธอ เขาเห็นหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ เธอดูอาย แต่ก็กล้าที่จะถามแบบอายๆ นี่แหละ “เมื่อไหร่จะ เอ่อ...ขยับล่ะคะ”
คราวนี้เขาหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างมีความสุข
สุขก็สุข เสียวก็เสียว ไม่รู้จะรู้สึกแบบไหนก่อนแล้วเนี่ย!
“พี่ขอโทษนะงาม” เขากระซิบ
“เรื่องอะไรคะ” ตอนนี้ในหัวรงรองคิดว่ามีหลายเรื่องที่เขาจะขอโทษ ไหนจะเรื่องที่เขาทำเธอเจ็บ ไหนจะเรื่องที่เขาทำแล้วไม่ไปต่อนี่อีก มัวแต่หัวเราะอยู่ได้ คนบ้า “อ๊ะ!”
รงรองจิกเล็บกับกล้ามแขนของเขาด้วยความซ่านเสียวเมื่อชายหนุ่มขยับเบาๆ ตามคำขอ และเขาก็กระซิบสารภาพความผิดบาปของตัวเองไปด้วย
“ขอโทษที่พี่โง่”
“อือ!” หญิงสาวได้ยินที่เขาพูด แต่การเคลื่อนไหวของเขาแบบลึกล้ำก็ทำให้เธอหลับตาปี๋ หอบหายใจรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
“ขอโทษที่พี่เชื่อข่าว มากกว่าจะฟังความจริงจากงาม”
“อา...” รงรองไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แต่ตั้งแต่เข้าสู่วงการนางแบบ เธอก็โดนกระแสโจมตีเรื่องข่าวเล็กน้อยไปจนถึงข่าวใหญ่ว่าเธอแย่งสามีชาวบ้าน ทั้งที่เธอแค่ไปนอนห้องน้องสาวเขาที่เป็นเพื่อนนางแบบด้วยกัน เพราะเพื่อนของเธอกำลังอกหักเท่านั้นเอง ส่วนที่เขาเลิกกับเมียก็ไม่เกี่ยว กับเธอสักหน่อย
“ขอโทษที่...”
เขายังขยับเป็นจังหวะ และกระซิบเสียงพร่าตามแรงโยกคลอนของโซฟาตัวใหญ่ รงรองแทบไม่ได้ยินที่เขาบอกแล้ว ในหูของเธอมันอื้ออึงไปด้วยเสียงวิ้งๆ ยิ่งเขาขยับ ยิ่งเขารุกราน เธอก็แทบจะรับรู้อะไรไม่ได้เลยนอกจากความรุ่มร้อนจากร่างกายที่เสียดสีกันจนไฟราคะแทบจะลุกไหม้หัวใจของเธอ
นรธีร์หอบหายใจกระเส่า หยุดยั้งการเคลื่อนไหว จูบเธอเบาๆ แล้วก้มลงไปกระซิบข้างใบหูเล็กๆ น่ารักด้วยสุ้มเสียงแห่งความจริงจังและภักดี
“...พี่รักงามมาตลอด แต่ไม่เคยบอกให้งามรู้เลย”
คราวนี้รงรองได้ยินชัดจนต้องลืมตาขึ้นมองเขา แต่ชายหนุ่มก็สาดพายุอารมณ์ใส่หญิงสาวจนเธอไม่มีโอกาสได้ตกใจ เขินอาย หรือสับสนไปมากกว่านั้น รงรองหลับตาลงอีกครั้ง เธอกรีดร้องสุดเสียงเมื่อเขาส่งเธอถึงสวรรค์แสนหวาน แต่ชายหนุ่มก็ไม่หยุดอยู่แค่นั้น เขารุนแรงดุดันใส่เธอเมื่อร่างกายของเธอเปิดรับเขาอย่างเต็มกายและเต็มใจ เร่งเร้า เร่าร้อน จนโซฟาตัวใหญ่สะเทือน เลื่อนไป เลื่อนมา จนเสียงขูดของขาโซฟาดังปนไปกับเสียงครางของหญิงสาวและเสียงกระแทกกระทั้นแห่งกามารมณ์!
เอี๊ยด... เอี๊ยด... เอี๊ยด...
เมื่อพายุแห่งความหวามสงบ เสียงที่ดังเพียงเสียงเดียวในห้องนั้นกลับเป็นเสียงพัดลมเพดานที่ไม่เคยส่งเสียงใดๆ มาก่อนเลย และเสียงหอบหายใจรุนแรงผสานกันของสองร่างเปลือยเปล่าที่กอดกันไว้บนโซฟาตัวใหญ่ที่ตอนนี้มันเลื่อนออกจากวงโคจรของโซฟาตัวอื่น แทบจะไถลมาอยู่กลางห้อง
“สงสัยต้องหยอดน้ำมัน” นรธีร์พูดถึงพัดลม การระเบิดรุนแรงของความปรารถนาทำให้ในหัวเขาวุ่นวายไปหมด แต่ความเป็นผู้นำครอบครัวก็ทำให้เขาคิดแก้ปัญหาขึ้นมาทันที
“เหรอคะ แต่งามว่า ก็ไม่ได้แห้งถึงขั้นต้องใช้ตัวช่วยสักหน่อยนะคะพี่ธีร์”
สาวพรหมจรรย์กลับแกล้งเย้าด้วยการพูดสองแง่สองง่าม และยิ้มให้เขาอย่างแก่นเซี้ยว
นรธีร์หัวเราะ กระซิบตอบ
“ไหน งั้นขอพี่พิสูจน์อีกทีซิ”
สิ้นเสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสาว ก็เป็นเสียงแห่งความมัวเมาในรสสวาทแสนหวาน ความสดใหม่ของกันและกันทำให้นรธีร์เข้าใจคำว่าข้าวใหม่ปลามันก็วันนี้เอง