“อย่าทำสะอาดมากนะเฉิด ฉาย เดี๋ยวพี่ธีร์จับได้ ปล่อยให้มีฝุ่นไว้บ้าง”
“ค่า! คุณงาม”
สองสาวฝาแฝดตอบรับพร้อมกันระหว่างกำลังทำความสะอาดบ้านให้รงรองเหมือนทุกวัน หลังนรธีร์ไปทำงานแล้ว ซึ่งพวกเธอจะมีเวลาแค่ครึ่งวันเท่านั้น เผื่อว่านรธีร์อาจจะแวะกลับมาตอนเที่ยงหรือกลับบ้านเร็ว จะได้ไม่โดนจับได้
ระหว่างที่เฉิดกับฉายช่วยทำงานบ้านจิปาถะ รงรองก็กำลังเปิดดูแฟชั่นโชว์ที่เธอแอบปิดเสียงคลุมโปงดูไลฟ์สดค้างไว้เมื่อคืนเพราะดันเผลอหลับไปเสียก่อนตอนตีสามตีสี่นี่แหละ แต่ด้วยความที่เธอต้องตื่นตั้งแต่เช้ามาเตรียมอาหารให้สามีตามที่เขาต้องการ ทั้งที่ดื่มกาแฟไปแล้วแก้ว ดูต่อได้ไม่เท่าไรตาก็แทบลืมไม่ขึ้น
รงรองหาวหวอด ก่อนที่ฉายจะชงกาแฟมาเสิร์ฟให้
“ขอบใจจ้ะฉาย”
สาวใช้ยิ้มดีใจที่เจ้านายสาวแยกออกระหว่างตัวเองกับพี่สาวฝาแฝดที่หน้าเหมือนกันเปี๊ยบ เธอก้มศีรษะให้รงรอง ก่อนจะเลี่ยงไปซักผ้าหลังบ้าน เมื่อได้จิบกาแฟแก้วที่สอง รงรองก็แทบสำลักกับรสชาติสุดจะพรรณนาของมัน นี่มันโหลกาแฟที่เธอคั่วไว้สำหรับชงให้นรธีร์กิน ซึ่งรงรองคั่วเข้มจนเมล็ดกาแฟแทบจะไหม้ เอาไว้แกล้งเขา
ฉายไม่รู้ย่อมไม่ผิด แต่นี่มันกงเกวียนกำเกวียนชัดๆ ทำเขาไว้ แล้วก็ได้ดื่มเสียเองวันนี้
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนจากโปรแกรมไลน์ทำให้รงรองเห็นว่าโอลิเวียทักมาเป็นภาษาอังกฤษสำนวนอเมริกัน เธอยิ้มแล้วคุยกับเพื่อนสนิทนิดหน่อย ก่อนที่โอลิเวียจะลาไปนอน
‘ถ้ามีเวลาก็บินมาเที่ยวบ้างนะ คิดถึงฝีมือทำกับข้าวของเธอที่สุดเลยฮันนาห์’
โอลิเวียส่งสติกเกอร์ส่งจูบมาแล้วก็เงียบไปสมกับที่เป็นเด็กอนามัย ตั้งแต่เรียนจบทำงานทำการแล้ว ถ้าไม่ติดดูซีรีส์โอลิเวียก็มักจะนอนตั้งแต่สี่ทุ่ม พอคิดถึงสีหน้ามีความสุขแบบเว่อร์ๆ ของเพื่อนเวลาที่ได้กินอาหารไทยฝีมือของเธอแล้ว รงรองก็คิดถึงสีหน้าพะอืดพะอมของนรธีร์ที่ได้กินอาหารที่เธอตั้งใจทำให้เขา แล้วหัวเราะออกมาอีกรอบ เพราะมันคงรสชาติแย่พิลึก เขาไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไมเธอกินข้าวฝีมือตัวเองได้สบายๆ นั่นเพราะจานของเธออร่อยไง ไม่เหมือนจานเขา! แล้วรงรองก็ทำแต่อาหารจานเดียวมาตลอดด้วย
นี่แกล้งเขามาสิบกว่าวันแล้ว แต่รงรองยังสนุกอยู่เลย
คนอะไรไม่รู้ ยิ่งอยู่ด้วย ยิ่งมีความสุข...
ปลายนิ้วเรียวลูบหูจับแก้วกาแฟแววตาเหม่อลอย รงรองเพิ่งรู้ตัวว่าเธอจะยิ้มเสมอเมื่อคิดถึงเขา และคิดถึงเขามากๆ ทุกวันที่เขาไปทำงานเลยด้วย ทั้งที่ก็ได้เจอกันทุกวัน นอนข้างกันทุกคืน แต่รงรองกลับรู้สึกว่าไม่เคยอิ่มเลยกับการได้เจอหน้าเขา คุยกับเขา ถึงจะเป็นการพูดคุยแบบห่างเหิน ถามคำตอบคำก็เถอะ
เธอยังเชื่ออยู่นะว่า ‘พี่ธีร์’ คนใจดียังมีชีวิตอยู่ในคราบผู้ชายเย็นชาใจร้ายคนนั้น
ไม่อย่างนั้นเขาไม่สร้างบ้านหลังนี้ให้เธอหรอก รงรองยังจำคำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้กับเธอตอนเด็กได้ดี และเชื่อว่าเขาเองก็เช่นกัน แม้บ้านหลังนี้จะเป็นเรือนหอของเธอกับนพวินทร์ก็ตาม
พอนึกถึงนพวินทร์ รงรองก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเป็นห่วง เธอเปิดไลน์ที่คุยกับชายหนุ่มค้างไว้ ล่าสุดที่เขาตอบไลน์เธอคือเมื่อเดือนก่อน แสดงความยินดีที่เธอกำลังจะได้รับเลือกเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของน้ำหอมชื่อดัง แล้วก็ส่งภาพคู่ของเขากับพี่ชายของเธอมาให้ดูด้วย ทั้งสองถ่ายเซลฟีกันที่ริมทะเล ต่างก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
ส่วนข้อความช่วงหลัง ก็เป็นข้อความจากเธอฝ่ายเดียวหลังจากที่เขาทิ้งจดหมายไว้ว่าไม่ต้องตามหา โดยจดหมายวางไว้กับแหวนหมั้นและโทรศัพท์มือถือของเขา แล้วชายหนุ่มก็หายตัวไป
‘พี่วินทร์อยู่ไหนคะ’
‘พี่วินทร์ก็รู้ว่างามจะไม่บอกใครว่าพี่อยู่ที่ไหน งามแค่อยากฟังจากพี่ว่าพี่ยังปลอดภัยดี’
‘รับสายงามหน่อยสิคะ’
‘งามยังรอพี่ติดต่อกลับมาอยู่นะคะ งามเป็นห่วง...’
ถึงแม้รงรองจะมีความหวังว่าเขาจะซื้อโทรศัพท์ใหม่มาใช้แล้วติดต่อมา หรืออ่านข้อความของเธอบ้าง แต่เขาก็เงียบหายไปเลยเหมือนไร้ตัวตน ทางด้านพี่ชายของเธอเองก็ติดต่อนพวินทร์ไม่ได้เหมือนกัน ณรงค์ฤทธิ์ดูเศร้ามากจนน่าใจหาย รงรองไม่อยากให้เรื่องมันจบลงแบบนี้เลย เธอมองภาพถ่ายของพวกเขาด้วยความห่วงใย และเมื่อเผลอไผล เธอก็หมุนแหวนหมั้นที่สวมอยู่ตรงนิ้วนางข้างซ้ายด้วยความเคยชิน
การตกหลุมรักเพศเดียวกันไม่ใช่ความผิดของพวกเขาเสียหน่อย
ถึงเธอจะคิดแบบนั้น แต่คนหัวโบราณแบบบิดา...ไม่ได้คิดแบบเดียวกันกับเธอ