นรธีร์จำไม่ได้เลยว่าเขาเดินทางมาที่บ้านของตระกูลรักษ์สกุลตั้งแต่เมื่อไหร่ กระทั่งชายหนุ่มเดินไปเห็นตัวเขาเองในวัยสิบแปดปีที่กำลังเดินเล่นอยู่ในสวนที่เขียวชอุ่มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า วันนั้นเขาไปบ้านรักษ์สกุลกับครอบครัวเหมือนที่ได้ไปบ่อยๆ นั่นละ เพราะสองตระกูลสนิทสนมกันมาตั้งแต่ก่อนเขาเกิดเสียอีก แถมลูกสาวคนเล็กของบ้านนี้ก็กำลังจะเกี่ยวดองกับน้องชายของเขาด้วย
พูดถึงรงรอง เขาก็ได้เห็นเธอปูเสื่อนั่งเล่นประกอบบ้านตุ๊กตาที่ทำจากกระดาษอยู่กับพี่เลี้ยงในสวน ตอนที่เขาเดินเข้าไปนั้น พี่เลี้ยงของรงรองก้มลงไปคุยกับคุณหนูวัยแปดขวบอยู่พอดี
‘คุณหนูคะ พี่หนิงขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ คุณหนูอยู่ตรงนี้อย่าไปไหนนะคะ’
‘อื้อ’ รงรองพยักหน้าให้พี่เลี้ยงอย่างว่าง่าย ‘พี่หนิงรีบกลับมานะคะ บ้านประกอบยาก น้องงามอยากให้พี่หนิงรีบมาช่วย’
‘ค่ะๆ พี่จะรีบกลับมาค่ะ’
พี่เลี้ยงสาวลุกเดินมาทางนรธีร์ เธอก้มศีรษะให้เขานิดหนึ่งก่อนจะเดินสวนไป ปล่อยให้ชายหนุ่มเดินไปหาเด็กน้อยที่เขาเห็นเธอมานานเท่าอายุของเธอ นรธีร์นั่งลงข้างๆ รงรองด้วยความเอ็นดูที่เธอพยายามประกอบบ้านตุ๊กตาอย่างไม่ย่อท้อทั้งที่ยังตัวเล็กนิดเดียว
‘ไหน ให้พี่ช่วยไหมงาม’
รงรองมองเขาด้วยใบหน้านิ่งเรียบเหมือนเคย แต่ก็ส่งอะไหล่กระดาษสำหรับประกอบบ้านให้เขา
‘ขอบคุณค่ะพี่ธีร์’
นรธีร์อยู่ช่วยเด็กหญิงตัวน้อยประกอบบ้านตุ๊กตาได้ไม่เท่าไร ด้วยความที่เขาออมแรงไม่เป็น เลยทำให้บ้านกระดาษของรงรองขาดคามือดังแควก!
รงรองอึ้ง นรธีร์ก็ด้วย
เขาคิดว่าเธอจะร้องไห้จ้าเสียแล้ว แต่รงรองก็แค่น้ำตาเอ่อเต็มขอบตา หน้าจ๋อย นรธีร์เลยรีบใช้ปลาสเตอร์ใสซ่อมบ้านให้อย่างเก้ๆ กังๆ จนได้บ้านกระดาษเบี้ยวๆ ออกมาหลังหนึ่ง
‘ไม่ค่อยเหมือนในแบบนะ แต่...’ เขาหัวเราะเก้อๆ ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง รงรองก็พูดสวนขึ้นมาก่อน
‘ไม่เหมือน แต่พี่ธีร์ตั้งใจทำให้น้องงาม น้องงามขอบคุณค่ะ’
เธอยิ้มออกมาหน่อย ก่อนที่ใบหน้าจะนิ่งเรียบเหมือนเดิม มีแต่แววตาเท่านั้นที่ทำให้เขารู้ว่าเธอโอเคจริงๆ ไม่ได้โกหก แต่นรธีร์ก็ยังรู้สึกว่าเขาทำให้เธอไม่ดีพอ เลยยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้าเด็กน้อย
‘เอางี้ พี่ธีร์สัญญาว่าวันหลังจะสร้างบ้านให้งามใหม่ ใหญ่และสวยกว่านี้ ได้ไหมครับ’
รงรองมองหน้าเขาอย่างครุ่นคิด เธอดูเกรงใจ แต่ก็อยากได้ สุดท้ายเด็กหญิงก็เกี่ยวนิ้วก้อยเล็กๆ กับนิ้วก้อยใหญ่เทอะทะของเขา พร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ทำเอานรธีร์แทบจะขยี้ตาตัวเอง เพราะปกติอย่างมากรงรองก็แค่อมยิ้ม ไม่เคยยิ้มจนเห็นฟันสีมุกเรียงสวย จนตาหยีแบบนี้
‘สัญญาแล้วนะคะพี่ธีร์’
หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นตึ้กตั้ก! ตึ้กตั้ก!
ใบหน้าของเขาเห่อแดง ร้อนผ่าวมาจนถึงใบหู ตอนนั้นพี่เลี้ยงของเด็กหญิงกลับมาชวนเข้าบ้านก่อนเพราะฝนจะตก เลยขัดจังหวะความรู้สึกประหลาดของเขาเข้าพอดี และนรธีร์ก็เดินตามพี่เลี้ยงกับรงรองกลับเข้าบ้านด้วยความรู้สึกอับอายตัวเองไปด้วย
เขาโตแล้ว สิบแปดแล้ว เขารู้...สิ่งที่เขารู้สึก มันคือความรัก
แต่เขาหลงรักเด็กอายุแปดขวบเนี่ยนะ ถ้าใครรู้เข้าคงชี้หน้าตะโกนว่าเขาเป็นไอ้โรคจิต!
แถมเป็นไอ้โรคจิตที่แอบรักคู่หมั้นของน้องชายจนเธอโตเป็นสาวสะพรั่ง...นรธีร์ได้แต่เก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ในใจ เขาไม่สอบหมอ ยอมเป็นลูกนอกคอกของตระกูลที่เลือกเรียนด้านอื่นและเอาดีทางสายอสังหาริมทรัพย์ โชคดีของเขาคือบ้านพนิตนันท์ต่างจากรักษ์สกุลตรงที่บิดาไม่บังคับกะเกณฑ์อะไรลูกเท่าบ้านนั้น ถึงมารดาจะเอาแต่ใจ คอยขีดเส้นชะตาชีวิตให้ลูกชายทั้งสอง รวมถึงจ้ำจี้จ้ำไชบิดาด้วย แต่มารดาก็เป็นคนแข็งนอกอ่อนใน
นรธีร์รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง มารดาเลยตามเขาไม่ค่อยทัน
จะมีก็แต่ไอ้น้องชายหัวอ่อนของเขานี่แหละที่น่าเป็นห่วงที่สุด เขารู้ว่านพวินทร์ก็ไม่ได้อยากเป็นหมอ น้องชายของเขาชอบวาดรูป ชอบศิลปะ ชอบใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ และก็ค่อนข้างอ่อนแอและอ่อนไหวง่ายจึงมักเห็นใจและตามใจคนรอบข้างเสมอเพราะอยากให้ทุกคนมีความสุข แต่กลับไม่ค่อยคำนึงถึงความสุขของตัวเองเลย
‘ขอบคุณนะพี่ สำหรับเรือนหอ’
วันนั้นเมื่อสามปีก่อน นพวินทร์เดินเข้ามาหาเขาในห้อง ชายหนุ่มยิ้มบางๆ ให้พี่ชายที่ช่วยออกแบบเรือนหอและเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการจัดสร้างให้เขาด้วย ถึงจะใช้เงินของพ่อแม่ก็เถอะ
‘เออ ก็น้องจะแต่งงานทั้งที’
ถึงใจจะเจ็บจี๊ด...แต่นรธีร์ก็วางปากกาสไตลัสลงบนโต๊ะแล้วหันมายิ้มให้น้องชาย อย่างน้อยเขาก็ได้ทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับรงรองละน่า...นี่ไง ไม่ใช่แค่บ้านกระดาษด้วย แต่เขาสร้างเรือนหอให้เธอเลยละ!
‘จะแต่งเดือนหน้าอยู่แล้วนี่ ตื่นเต้นไหม’
พอถามถึงงานแต่งงาน นพวินทร์ก็ยิ้มฝืดเฝื่อน นั่งลงบนเตียง
‘สารภาพนะพี่ ไม่อยากแต่ง’
นรธีร์ขมวดคิ้วมุ่น เขาเห็นนพวินทร์สนิทสนมกับรงรองดี เทกแคร์เธอดีเสมอ บางทีก็เห็นโทร.คุยกันดึกดื่น เขาคิดว่าสองคนนี้จะแต่งงานกันแบบหวานชื่นเสียอีก
‘ทำไมถึงพูดแบบนั้น’ ชายหนุ่มดุเสียงเข้ม ‘ถ้างามได้ยิน งามจะรู้สึกยังไง’
‘ดีใจน่ะสิพี่ ทางนั้นไม่อยากแต่งยิ่งกว่าผมอีก’
พอได้ยินแบบนั้น นรธีร์ก็ยกกำปั้นขึ้นชิดปากกระแอมออกมาเบาๆ เขาพยายามซ่อนรอยยิ้มอย่างยากลำบาก และเพียรบอกตัวเองว่านี่เรื่องซีเรียส น้องเป็นทุกข์อยู่
อย่ามีความสุขบนความทุกข์ของน้องสิโว้ยไอ้ธีร์!!!
‘พี่ก็คิดว่าแกกับงามรักกัน’
นพวินทร์ยิ้มขมขื่น ก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วลุกจากเตียงนอนของพี่ชาย
‘ช่างมันเถอะ จะรักไม่รัก ยังไงผมกับงามก็ต้องแต่งงานกัน’
เหมือนมีเสียงตึ้ง! ข้างในหัวของนรธีร์ เขาเกือบจะยิ้มออกมาแล้วที่ได้ยินว่าสองคนนั้นอาจจะไม่ได้รักกัน แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าจะไปแทรกกลางยังไงได้ เรื่องแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดัง ถ้ารงรองมีท่าทีว่าสนใจเขาสักนิด เขาอาจจะพูดกับบิดามารดาของเขาก็ได้ว่าชอบ ขอได้ปะคนนี้ เขาก็ลูกนะ ลูกชายคนโตด้วย ถึงจะไม่ได้เป็นหมอตามใจพวกท่านก็เถอะ แต่เขาดองกับลูกสาวของรักษ์สกุลตามใจพวกท่านได้นะ ด้วยความเต็มใจเลยด้วย!
แต่ก็อย่างว่า กับเขา...รงรองก็ปฏิบัติตัวด้วยเหมือนเป็นพี่ชายคนหนึ่งมาตลอด ไม่ต่างจากที่เธอปฏิบัติต่อพี่ชายแท้ๆ ของเธอเลย
แต่แล้วก่อนวันแต่งงานไม่กี่วัน เจ้าสาวก็หนีไป!