หลังถวายสังฆทาน ดมิสาก็พาจิณไตยไปแนะนำให้แม่ชีดาราวลีรู้จักในฐานะคนรักเป็นครั้งแรก สตรีในชุดขาวเบิกตาโตเล็กน้อยอย่างแปลกใจ และดมิสารู้สึกยินดีที่ใบหน้าของมารดามีอารมณ์ความรู้สึกอื่นที่ไม่ใช่เศร้าหมองบ้าง แม้ดาราวลีจะยังไม่ยิ้มเลยเหมือนเดิมก็ตาม
“จิณทำงานอะไรลูก”
นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ดมิสาได้ยินเสียงมารดา แม้จะเป็นประโยคแสนสั้น แล้วหลังจากนั้นดาราวลีก็ใช้เวลาในการฟังจิณไตยอธิบายเกี่ยวกับงานให้ฟัง ครู่ใหญ่กว่าที่นางจะยิ้มบางๆ ออกมาเป็นรอยยิ้มแรกที่ดมิสาไม่เคยเห็นเลยนับแต่เกิดมาก็ว่าได้
“ฝากลูกสาวแม่ด้วยนะ”
หญิงสาวขยับไปซุกกอดมารดา น้ำตารื้น เธอคิดมาตลอดว่าดาราวลีก็ไม่ได้รักเธอเหมือนกับที่เจิมจันทร์ไม่เคยรักลูกหลานคนไหน แต่มารดาไม่เคยทำร้ายใคร...ท่านเพียงแค่จมอยู่กับความทุกข์ของตัวเองเท่านั้น ดมิสาจึงยังคงรักท่านและปรารถนาให้ท่านรักเธอบ้าง สักนิดก็ยังดี
“หนูรักแม่ค่ะ” หญิงสาวกระซิบ
ก่อนที่ดาราวลีจะถูกเรียกไปช่วยงานที่โรงผ้า แม่ชีจึงพยักหน้าเป็นเชิงลาและเดินจากไป โดยแอบใช้ผ้าสไบเช็ดน้ำตาที่ขอบตา ดมิสาคือลูกสาวที่นางเป็นห่วงมากที่สุด พลังจิตของดมิสาจะนำภัยมา ดาราวลีคิดเช่นนั้นอยู่เสมอ และการที่ยังอาศัยอยู่ในบ้านเสน่ห์จันทน์นั้นก็คงไม่มีความสุขเหมือนที่นางไม่เคยมีความสุข แต่เมื่อวันนี้ลูกสาวของนางมีผู้ชายที่ดีพร้อมมาดูแลแล้ว ดาราวลีก็หมดห่วง
เห็นจิณไตยเข้าวัดเข้าวา ใส่เสื้อขาวของวัดสร้างใหม่แห่งหนึ่งแล้วนางก็ได้แต่ภาวนาขอให้เขา...ดีจริง...อย่าออกลายทำร้ายลูกสาวของนางให้ต้องมาเสียใจเพราะคำสาปที่เจิมจันทร์เคยพูดอยู่บ่อยๆ เลยว่า ผู้หญิงตระกูลนี้เคยถูกสาปจากผู้หญิงหยำฉ่าคนหนึ่ง ให้วิบัติฉิบหายไม่สมหวังในเรื่องรัก
หากคำสาปมีจริงก็ขอให้งดเว้นดมิสาไว้สักคนเถิด...
ดาราวลีหยุดยกมือไหว้เมื่อกำลังจะเดินผ่านพระอาจารย์ดิน ก่อนน้อมกายก้มศีรษะผ่านไป โดยที่สายตาของเจ้าอาวาสจับจ้องยังสองหนุ่มสาวที่พากันเดินไปศาลาหินอ่อน สถานที่ซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยสลักด้วยหินอ่อน ด้วยประกายตาครุ่นคิด
ดมิสาชวนจิณไตยถ่ายรูปด้วยกัน แต่พอเธอเป็นคนถือโทรศัพท์เขาก็ต้องเบียดเข้ามาชิด ซึ่งไม่เหมาะนักเพราะอยู่ในวัดในวา หญิงสาวจึงให้เขาเป็นคนถือโทรศัพท์แล้วถ่ายเซลฟี จากนั้นก็อัปโหลดลงเฟซบุ๊กแล้วเช็กอินสถานที่วัดป่าอิสราภรณ์โดยไม่ลืมแท็กเขาด้วย
‘มัคนายกวัดนี้หน้าตาดีนะ’
คือคอมเมนต์แรกจากญาตาวี เสน่ห์จันทน์ ที่เด้งขึ้นมาทันทีหลังการอัปโหลดเสร็จสมบูรณ์ เร็วกว่ายอดไลก์เสียอีก ดมิสาหัวเราะพรืด เธอยื่นให้จิณไตยอ่านแล้วหัวเราะขำไม่หยุดจนเขางอน เดือดร้อนเธอต้องพยายามหยุดหัวเราะแม้ทำยากอยู่ก็ตามที
สองหนุ่มสาวนั่งคุยกันได้ไม่นานนัก พระดินก็เดินนำเด็กๆ เข้ามาในศาลา ดมิสากับจิณไตยรีบนั่งพับเพียบเรียบร้อย รอจนท่านกราบพระประธานและนั่งลงยังอาสนะสำหรับสงฆ์ เด็กๆ ที่เดินตามมาก็ก้มลงกราบพระอาจารย์อย่างนอบน้อม
“ฟังนิทานด้วยกันไหม โยมมิ้งค์ โยมจิณ”
“ค่ะหลวงลุง”
พระดินยิ้มอย่างมีเมตตา ก่อนหันไปรับประเคนน้ำดื่มจากพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง ระหว่างนั้นจิณไตยจึงก้มลงมากระซิบกับดมิสา
“มิ้งค์เคยเล่าเรื่องพี่ให้หลวงพ่อฟังด้วยเหรอ ท่านถึงรู้จักชื่อพี่น่ะ”
หญิงสาวหันมองจิณไตยพลางอมยิ้มแล้วสั่นศีรษะ จากนั้นก็ปล่อยให้ชายหนุ่มนั่งงงตามลำพัง ส่วนตัวเธอนั้นตั้งใจฟังนิทานกับเด็กๆ
“วันนี้อาตมาจะเล่านิทานเรื่อง วัฏฏกาชาดก นกคุ่มโพธิสัตว์ นิทานชาดกนั้นคืออะไร ไหนใครตอบได้ ยกมือซิ”
เด็กชายคนหนึ่งชูมือขึ้นสุดแขน เมื่อพระอาจารย์อนุญาตก็เอ่ยตอบเสียงดังฟังชัด “เป็นเรื่องราวในอดีตชาติของพระพุทธเจ้าที่แสดงแก่พระภิกษุในโอกาสต่างๆ ครับ”
พระดินหัวเราะเบาๆ
“จำจากในหนังสือมาทุกตัวอักษรเชียวนะต้นกล้า”
เด็กชายยิ้มแป้นภูมิใจ ขณะที่พระอาจารย์จิบน้ำแก้คอแห้งแล้วเริ่มเล่านิทาน
“นานมาแล้ว สมัยที่พระพุทธองค์เสวยพระชาติเป็นพญานกคุ่มโพธิสัตว์ ครั้นเมื่อออกจากฟองไข่ ก็ได้อาศัยอยู่ในป่าแคว้นมคธ วันหนึ่งพ่อและแม่พากันออกไปหาอาหาร ปล่อยลูกนกคุ่มอยู่กันตามลำพัง ขณะนั้นบังเกิดไฟป่าปรากฏขึ้นมาทั้งสี่ทิศรอบรังของลูกนกคุ่ม อยู่ห่างจากรังหนึ่งกิโลครึ่ง ขณะนั้นลูกนกคุ่มเหลียวหาบิดามารดาแต่ไม่พบ ลูกนกคุ่มจึงคิดว่าโดยปกติธรรมดา ลูกสัตว์มีภัยก็ต้องอาศัยพ่อแม่ บัดนี้พ่อแม่เราไม่อยู่เสียแล้ว เราจะต้องพึ่งพิงตัวเอง”
นกกระจิบสามตัวบินร่อนมาเกาะบนไหล่พระดิน ส่งเสียงจุ๊บจิ๊บขณะท่านเล่า
“ลูกนกคุ่มนั้นจึงตั้งสัจจะว่า...คุณของศีลมีอยู่ คุณของธรรมมีอยู่ คุณของสัจจะวาจานี้ก็มีอยู่จริง ข้าพเจ้าระลึกถึงธรรมะระลึกถึงพระพุทธเจ้าทั้งหลายในปางก่อน อาศัยกำลังสัจจะขอทำสัจกิริยา ปีกทั้งสองข้างของเรามีอยู่ แต่ยังบินไม่ได้ เท้าเราทั้งสองข้างมีอยู่ แต่ยังเดินไม่ได้ บิดามารดาทั้งสองเรามีอยู่ แต่บัดนี้ไม่ได้อยู่กับเรา นี่เป็นสัจจะวาจาของเรา ไฟป่าที่ไม่มีชีวิตเอ๋ย ด้วยเดชแห่งสัจจะวาจานี้ ขอไฟป่าจงดับไป...”
ท่านยิ้มเมื่อเห็นเด็กหญิงบางคนยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา สงสารลูกนกคุ่ม
“ครั้นเมื่อสิ้นสัจจะอธิษฐาน ไฟป่าที่ไหม้ลามมาทั้งสี่ทิศก็พลันดับลง...มีใครตอบได้ไหมว่า นิทานเรื่องนี้สอนอะไรกับเรา”
เมื่อไม่มีเด็กสักคนยกมือ เพียงมองหน้ากันงุนงง ท่านจึงหันไปมองสองหนุ่มสาวที่นั่งอยู่หลังสุด
“โยมมิ้งค์ โยมจิณ เห็นอะไรในนิทานเรื่องนี้ไหม”
ดมิสาฟังเพลินและแอบสงสารนกคุ่มโพธิสัตว์ด้วย เมื่อถูกถามจึงงุนงงไม่รู้จะตอบอะไร ในขณะที่จิณไตยยกมือประนมเมื่อกำลังจะกล่าวกับพระสงฆ์ เขาเอ่ยด้วยหัวใจที่เอนไหว เข้าใจแล้วว่าพระอาจารย์คงมีอภิญญา นิทานของท่านราวกับจะตอกย้ำว่า เขาเข้าหาดมิสาด้วยเหตุผลที่ไม่เข้าท่าเสียเลย
เขาหลอกเธอเพื่อสืบเรื่องนุชชารีย์...
“นิทานเรื่องนี้สอนว่า คำสัตย์จริงเลิศกว่ารสทั้งปวงครับ”
“สัจจัง หะเว สาธุตะรัง ระสานัง” พระอาจารย์กล่าวคำนั้นเป็นบาลีด้วยรอยยิ้ม
“ดีมาก เช่นนี้แล้วเราไม่ควรโกหกปิดบังเรื่องสำคัญกับใคร เห็นไหมว่าคำสัตย์สามารถดับไฟป่าได้ เช่นนั้นคำสัตย์ก็ทำให้เราเป็นผู้บริสุทธิ์ไร้มลทินจากคำโกหกได้ด้วย”
เด็กๆ พยักหน้าหงึกๆ แล้วหันไปปรบมือให้จิณไตย ชายหนุ่มเลยหัวเราะเบาๆ แม้ในใจจะยังปวดแปลบจากการถูกจี้ใจดำก็ตามที
“อ้อ อีกอย่าง ในนิทานเรื่องนี้นกคุ่มโพธิสัตว์กล่าวถึงศีล ใช้สัจจะบูชาคุณของศีล คุณของธรรม และบูชาคุณพระรัตนตรัยอันประเสริฐหาใดเปรียบ เช่นนี้แล้วนิทานเรื่องนี้จึงสอนได้ด้วยว่า สีลัง กะวะจะมัพภุตัง แปลว่า ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์”
ท่านมองสบตาดมิสาขณะกล่าวคำนั้น
“เมื่อนำคำสัตย์มารวมกับศีล จะได้บาลีที่ว่า สัจจังเวอะมะตาวาจาแปลว่า ความสัตย์แล เป็นวาจาไม่ตาย ฉะนั้น เมื่อเวลาที่สมาธิไม่ดีหรืออานุภาพแห่งมนต์คาถาเสื่อม คนโบราณท่านจึงหันมาทบทวนสัจจะและศีลของตัวเอง”
ดมิสาเข้าใจพระธรรมคำสอนและพร้อมจะน้อมปฏิบัติตาม แต่ไม่เข้าใจสายตาของพระอาจารย์ที่ดูเหมือนพยายามจะสื่อสารบางอย่างกับเธอ แต่เพียงชั่วพริบตาท่านก็ก้มลงมองเด็กๆ ตรงหน้าและชักชวนให้สวดมนต์หลังฟังนิทาน
“วันนี้อาตมาจะนำสวดบทที่มีคุณอนันต์ เป็นคำสัตย์ที่จะปกป้องเราจากภยันอันตรายได้ทุกประการ หากประสบภัยครั้งใด ขอให้นึกถึงวันนี้ นึกถึงบทสวดนี้ เข้าใจไหม”
เด็กๆ ตอบรับเจื้อยแจ้ว ในขณะที่ดมิสาขยับนั่งทับขาตัวเองท่าเทพธิดาเพื่อเตรียมตัวสวดมนต์
“พุทธัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง ชีวิตัง ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ”
เสียงสวดมนต์ดังกังวานทั่วศาลาและประทับลงในจิตของดมิสาโดยที่เธอไม่รู้ตัว
** หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ **