หญิงสาวมองเขาอย่างสงสารแล้วสั่นศีรษะเป็นเชิงว่าเธอจะไม่ไปไหน ให้เขาเข้าใจว่าเธอจะอยู่เคียงข้างเขาตรงนี้
เธอคิดว่าชีวิตเธอแย่ พ่อไม่แคร์ แม่ไม่สนใจ ยายไม่รัก ใช้ชีวิตตัวคนเดียวมาตลอดก็ตรอมตรมจะแย่ แต่นี่จิณไตยอาจจะผ่านเรื่องเลวร้ายมาหนักกว่าเธอไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร...การที่ต้องเสียภรรยาและลูกไปถึงสองครั้งติดกัน เสียคนที่รักไปถึงสี่คนในเวลาแค่ไม่กี่ปี เขาคงทุกข์ทรมานจนเธอไม่อาจจินตนาการได้เลย
สุวรรณฟังแล้วก็สงสารด้วย กุมารน้อยเดินไปนั่งบนพื้นตรงหน้าจิณไตย ก่อนซบคางลงกับเข่าของเขา
แม้จิณไตยมองไม่เห็น แต่ดมิสาเห็น
‘กอดเขาสิสุวรรณ’
ดมิสาแนะนำในสิ่งที่เธอยังไม่กล้าทำ และสุวรรณก็ทำตาม พรายกุมารลุกขึ้นโอบกอดชายหนุ่ม กระแสแห่งความอบอุ่นไหลเวียนไปทั่วร่างจนจิณไตยประหลาดใจ แต่ไม่ใช่แค่กับเขา สุวรรณเองก็รู้สึกอุ่น...รู้สึกรัก...รู้สึกผูกพันเสียจนน้ำตาซึม แม้ไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงรู้สึกแบบนี้ แต่กุมารน้อยก็แอบคิดว่าถ้าจิณไตยเป็นพ่อของเขา... ก็คงดี
“มิ้งค์” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว “ขอกอดได้ไหม”
จิณไตยไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงโหยหาอ้อมกอดของใครสักคนอย่างมากมายเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเขาซึมซับสัมผัสอารมณ์ของสุวรรณมา ชายหนุ่มคิดว่าเขาอ้างว้างด้วยตัวเองคนเดียว เมื่อดมิสาพยักหน้า เขาก็ช้อนตัวเธอขึ้นวางบนตัก ซุกหน้าลงกับซอกคอหญิงสาว โอบกอดเอวบางไว้แนบกายไม่ห่าง
ตัวเธออุ่น นุ่ม และมีกระแสความเยือกเย็นโอบล้อม ชวนให้รู้สึกสบายใจอย่างประหลาด
“พี่จิณ” หญิงสาวลูบผมเขาเล่น ขณะซบแก้มลงกับเรือนผมดำขลับ
“คุณนุชก็เพิ่งเสียยังไม่ทันครบปีเลย ทำไมพี่จิณถึงรู้สึกแบบนั้นกับมิ้งค์เร็วนักล่ะคะ”
จิณไตยสั่นศีรษะขณะซุกหน้ากับอกเธอ
“พี่ไม่รู้...มิ้งค์” เขาเลี่ยงที่จะบอกว่าไม่เคยรักนุชชารีย์เลยเพราะมันจะดูเป็นการไม่ให้เกียรติภรรยาเก่า
“แต่พี่รักมิ้งค์... รักมิ้งค์... มิ้งค์เชื่อพี่ไหม”
‘เขาคิดในใจ’ สุวรรณผละออกไปมองสบตาดมิสาอย่างจริงจัง เพราะกุมารน้อยเองก็อยากรู้จึงแอบล้วงเข้าไปในความคิดของจิณไตยชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก และไม่บ่อยนักที่สุวรรณจะทำได้
‘พี่ชายคนนี้ไม่เคยรักภรรยาที่ชื่อนุชเลย แต่เขาไม่กล้าบอกพี่ เขาอยากให้เกียรติภรรยาเก่าของเขา’
ดมิสาฟังจากสุวรรณแล้วก็กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น น้ำตาหยดหนึ่งร่วงเผาะด้วยความซึ้งใจ และเธอตัดสินใจแล้วว่าจะวางหัวใจไว้บนมือของเขา ชายที่ดีพร้อมไปด้วยศีลและการให้เกียรติผู้อื่นโดยไม่เอาดีเข้าตัวเลยสักนิด
ในส่วนเรื่องที่เขาไม่ได้รักแต่เลือกจะใช้ชีวิตคู่กับนุชชารีย์นั้นเธอไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง แต่เขาคงมีเหตุผลของเขา
“ไม่เป็นไรนะคะพี่จิณ” เธอผละออกประคองหน้าเขาให้มองสบตา
“มิ้งค์สัญญาว่ามิ้งค์จะมีชีวิตอยู่กับพี่ให้นานที่สุด ในอนาคตมิ้งค์จะมีลูกให้พี่ถ้าพี่ต้องการ เรามาสร้างครอบครัวด้วยกันนะคะ”
จิณไตยดึงตัวเธอลงมาจูบ หาใช่ด้วยความใคร่ แต่มากมายด้วยความรัก ริมฝีปากอุ่นและเล็มกลีบปากหอมหวาน...เนิ่นนาน...กระทั่งลมหายใจหอบกระเส่าผสานกัน และมืออุ่นเจียนร้อนก็เลื่อนลูบแผ่นหลังบอบบางด้วยความเสน่หา
ดมิสาเองเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกมา เธอหอบหายใจด้วยความรู้สึกประหลาด เหมือนช่องท้องเบาโหวง หัวใจเต้นติดขัด ชีพจรในร่างเต้นกระหน่ำราวกับกลองชัย เธอมองสบตาเขา เห็นความปรารถนารุ่มร้อนในดวงตาคมกริบ ปนกับความพยายามหยุดยั้งอารมณ์หวามรัญจวนที่ก่อเกิดจากความใกล้ชิด
จะหยุดตอนนี้ หรือเดินหน้าต่อ
...ขึ้นอยู่กับเธอ...
เหมือนดวงตาของเขาสื่อออกมาแบบนั้น
ดมิสาเม้มริมฝีปากสั่นเทาด้วยความลังเลใจ มันเร็วเกินไปที่จะเปิดประตูให้ภมรหนุ่มรุกล้ำเข้ามาเชยชมดอกไม้แสนงามที่เธอตั้งใจจะเก็บไว้จนถึงวันที่ได้สวมชุดเจ้าสาว ทว่าความรักก็ถักทอเต็มหัวใจจนยากจะห้ามปรามแรงอารมณ์
“อ๊ะ พี่จิณ...”
เสียงหวานแหบพร่าอุทานออกมาเมื่อเขาเลื่อนมือเข้าไปใต้เสื้อ ชายหนุ่มเลื่อนลูบแผ่นหลังเนียนละมุนจนชะงักที่ตะขอบราเซียร์ทางด้านหลัง
เขามองสบตาเธอด้วยประกายตาที่ดมิสาอ่านไม่ออก ก่อนขยับนิ้วเพียงครั้งเดียว ตะขอเล็กๆ ก็หลุดจากกัน เปิดโอกาสให้ฝ่ามือร้อนเลื่อนลูบแผ่นหลังเปลือยต่อได้โดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น
“มิ้งค์...” เขากระซิบชิดริมฝีปาก พอใจที่ลมหายใจหอมๆ ยังเป่ารดใบหน้าหล่อเหลาด้วยอาการสะท้าน หาใช่ผลักไส
“ถ้ามิ้งค์ยังไม่พร้อม พี่... พี่จะหยุด...”
แม้จะหมายความอย่างนั้นจริงๆ แต่ชายหนุ่มกลับเลื่อนจูบซอกคออ่อนนุ่ม ไล่ลงมาถึงชีพจรที่เต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นรัญจวนใจ ริมฝีปากและปลายลิ้นของเขาราวกับมีเวทย์มนตร์หลอกล่อให้เธอลุ่มหลงหม่นไหม้
ดมิสาผวาโอบรอบคอเขาเมื่อจิณไตยอุ้มเธอลุกขึ้นจากโซฟา เขาก้มลงมาจูบปิดปาก ไล้เลียกลีบปากสีชมพูที่ขึ้นสีแดงชัดขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความวาบหวาม หญิงสาวไม่รู้สึกตัวเลยว่าถูกเขาวางลงบนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ และกระดุมเสื้อถูกปลดไปจนหมดแถวตอนไหน
รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อปลายลิ้นอุ่นนุ่มแตะลงยังเนินอกแล้วกวาดไล้ไปทั่ว เธอรู้สึกไม่มั่นคงเพราะบราเซียร์ไม่ได้ถูกรัดแน่นไว้กับร่างอีกต่อไป มันถูกเขาเลื่อนขึ้นจากการขวางทางดวงตาคมกับริมฝีปากช่ำชองที่พร้อมจะขบกัดไล้เลียไปทั่วร่าง
จิณไตยชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นบัวตูมขาวนวลชัดกับสายตา ปลายยอดสีชมพูจัดจนน่าพิศวงกำลังสั่นไหวตามแรงหายใจสั่นๆ เขาเหลือบมองใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา มองริมฝีปากสีชมพูใสแล้วก็เลื่อนลงมองเรือนร่างอรชรอีกครั้ง พบว่าแต่ละจุดที่ควรเป็นสีชมพูของร่างกายหอมละมุน ช่างเป็นเฉดเดียวกันได้อย่างน่าเสน่หา
“พะ พี่จิณคะ...”
ฝ่ามือหนาหยาบที่กอบกุมความนุ่มนิ่มหนักอึ้งทำให้ดมิสาผวายื่นมือไปจับข้อมือเขา จิณไตยเหลือบตามองสบตาแค่ชั่วเสี้ยววินาทีเท่านั้น เขาไม่รอให้เธอห้ามปราม แต่กลับโน้มลงดูดดื่มเม็ดบัวสีหวาน พร่างพรมความหฤหรรษ์ให้แล่นปราดไปทั่วกายสาวจนดมิสาทิ้งตัวลงกับฟูกนอนอ่อนนุ่ม แอ่นร่างรับความหวามรัญจวนตามสัญชาตญาณ เธอจิกนิ้วลงกับข้อมือแข็งกระด้าง เผยอริมฝีปากเปล่งเสียงครวญครางอย่างน่าอาย!
เขาเลื่อนริมฝีปากไปยังเม็ดบัวอีกข้าง จูบไปทั่วฐานทรวงหนั่นนุ่ม อีกมือก็เลื่อนลูบไปถึงขอบกางเกงขายาว แล้วเกี่ยวมันให้หลุดออกจากปลายเท้าสาวน้อยอย่างง่ายดาย!
“พี่จิณ พี่... อื้อ...”
เธอพยายามผลักเขาออกด้วยเรี่ยวแรงน้อยนิด แต่ริมฝีปากที่ประกบลงมาก็ดูดกลืนคำพูดทั้งหมดทั้งมวลไปสิ้น ดมิสาหอบหายใจปนกับเสียงหายใจรุนแรงของเขา เธอหนีบขาเข้าหากันเมื่อฝ่ามือร้ายกาจเลื่อนสอดเข้าไปข้างใต้ซับใน ปราการด่านสุดท้ายของเธอ
“ไม่เป็นไร” เสียงแหบพร่ากระซิบที่ข้างใบหู
“พี่จะทำให้มิ้งค์มีความสุข เชื่อพี่นะ”
ดมิสามองสบตาเขาอย่างประหวั่น และเมื่อชายหนุ่มโน้มลงบดจูบโลมเล้าอีกครั้งเธอก็อ่อนระทวยไปทั่วร่าง หญิงสาวสะดุ้งเมื่อถูกปลายนิ้วแข็งแร็งเสียดสีที่ใจกลางความเป็นหญิง เขาเลื่อนไล้สอดแทรกอย่างชำนาญ รู้จังหวะเร่งเร้า จังหวะเชื่องช้าหยอกเย้า จนหญิงสาวครางชิดริมฝีปากเขาไม่เป็นส่ำ
ดมิสาเกาะเกี่ยวอกเสื้อชายหนุ่มไว้มั่น ซุกหน้าลงกับอกกว้าง ขณะที่เขาปรนเปรอเธอด้วยปลายนิ้วร้ายกาจจนขนอ่อนลุกชันไปทั่วร่าง หญิงสาวกอดเขาไว้เป็นหลัก ยินยอมให้ชายหนุ่มจับจูงสู่โลกอีกใบที่ไม่เคยพบพาน
และแล้ว ราวกับทุกสรรพสิ่งระเบิดพร่าง! หญิงสาวหอบหายใจกระเส่า หูอื้อ ตาพร่า และเพิ่งรู้ตัวว่าบดเบียดร่างกายตัวเองกับร่างใหญ่โตของเขาราวกับจะหลอมรวมเป็นคนเดียวกัน
เธอกะพริบตาปริบๆ ซุกหน้าลงกับอกอุ่น อับอายเกินกว่าจะเผชิญหน้ากับเขาในตอนนี้ได้
และเดาไม่ออกว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปด้วย...
จิณไตยดึงมือออกมาจากใต้ซับในตัวน้อย เขาก้มลงจูบเรือนผมอ่อนนุ่มอย่างรักใคร่ ก่อนลุกขึ้นเก็บกางเกงชุดนอนมาสวมให้หญิงสาว ต่อด้วยกลัดกระดุมเสื้อให้ทีละเม็ด แล้วดึงบราเซียร์ของเธอออกจากชุดนอนหลังจากนั้น
“ใส่เสื้อในนอนมันไม่ดีต่อสุขภาพนะ”
เขายิ้มเมื่อเธอแอบมองมาอย่างตื่นๆ จากใต้ผ้าห่ม ก่อนเดินไปปิดไฟ พยายามบรรเทาความต้องการของตัวเองให้เบาลง...เธอยังไม่พร้อม...เขารู้ แค่ที่บังคับฝืนใจเธอจนถึงเมื่อครู่นี้ก็มากเกินไปแล้ว เขาไม่อยากทำให้เธอเสียใจทีหลังหากจะใช้ความช่ำชองของตัวเองนำพา
ชายหนุ่มก้าวขึ้นเตียงท่ามกลางความมืดสลัว ก่อนดึงตัวคนขี้กลัวมานอนกอดแนบอกอุ่น เขากระซิบบอกให้เธอฝันดี ก่อนจะก้าวสู่วังวนของนิทราไปด้วยกัน
----------
ดมิสาไม่รู้ตัวเลยว่าผล็อยหลับไปเมื่อไร เธอลืมตาตื่นในอ้อมกอดของจิณไตย ท่ามกลางแสงอบอุ่นของดวงตะวันที่ทอแสงอวลไปทั่งห้องนอนกว้าง หญิงสาวยกมือขึ้นลูบแก้มเขา รู้สึกสากมือกับหนวดเคราที่เพิ่งขึ้นใหม่ตอนเช้า เธอยิ้ม ค่อยๆ ลุกขึ้นจูบหน้าผากเขาเบาๆ
“ลวนลามพี่เหรอ”
พร้อมเสียงเย้า ชายหนุ่มลืมตารวบตัวเธอมากอด หอมแก้ม แล้วจักจี้จนหญิงสาวหัวเราะคิก เธอมองหน้าเขาทั้งรอยยิ้ม และปิดเปลือกตาเมื่อชายหนุ่มโน้มลงมาจูบอ่อนหวาน เธอขยับริมฝีปากสนองตอบอย่างน่ารักจนเขาครางชิดปาก แทบจะหักห้ามใจไว้ไม่ไหว ยิ่งเช้าๆ แบบนี้ อะไรบางอย่างหนักอึ้งที่ทาบทับบนขาเธอก็ทำให้ดมิสาแก้มแดง อดกลัวใจเขาไม่ได้
“ไม่เป็นไร” เขาดึงเธอมากอดไว้
“พี่จะรอจนกว่ามิ้งค์จะพร้อม รู้ใช่ไหม...”
ดมิสายิ้ม ซุกหน้าลงกับอกหนา โอบกอดเขาไว้อย่างคุ้นเคยจนน่าประหลาด ราวกับว่ารู้จักและรักกันมานาน...แสนนาน
ที่เขาว่าชายหนุ่มหญิงสาวที่จะพบเจอ รักกัน อาจด้วย ‘สัญญาเก่า’เป็นความคุ้นเคย ความรักใคร่ ความที่เคยก่อกรรมดี หรือกรรมชั่วร่วมกันมาจะเป็นแรงดึงดูดกันนั้น ดมิสาเชื่อ เพราะเคยอ่านเจอจากหนังสือธรรมะ แต่เธอไม่เคยเจอกับตัวมาก่อนเลยกระทั่งได้พบจิณไตย
“หิวหรือยัง ลุกอาบน้ำอาบท่าเถอะ เดี๋ยวลงไปกินข้าวด้วยกัน วันนี้พี่จะอยู่เป็นเพื่อน”
ดมิสาเงยหน้ามองเขาอย่างเกรงใจ
“อย่าดีกว่าค่ะจะเสียงานเปล่าๆ”
“ไม่เป็นไร พี่ฝากจีจัดการให้แล้ว สั่งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน” เขาจูบหน้าผากเธอแผ่วเบา “พี่ไม่รู้ว่าเมื่อคืนมิ้งค์ไปเจออะไรมา แต่ถ้ามิ้งค์พร้อมจะเล่าให้พี่ฟังเมื่อไร มิ้งค์รู้ใช่ไหมว่าพี่อยู่ตรงนี้เสมอ”
ดมิสาซุกหน้าลงกับอกเขา น้ำตาซึม เธออยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้เหลือเกิน...
** หมายเหตุ: เนื่องจากมีการจัดหน้าไว้ในรูปแบบหนังสือเล่มขนาด A5 อาจมีคำฉีกหรือเว้นวรรคมากกว่าปกติเมื่อนำลงเว็บ **