ทดลองอ่าน ปลายปากกาอินเลิฟ 2 เรื่อง ใต้ร่มแมกโนเลีย : ตอนที่ 6

 

 

ตอนที่ 6

 

 

เวลาตีสามกว่า ที่ตึกทรงโมเดิร์นตรงข้ามกับร้านหนังสือมอริส เสียงกร้าวแผดก้องห้องเก็บเสียงที่สร้างไว้ด้านหลังเชื่อมกับบันไดหนีไฟของตึกเดอะเคฟ ฟิตเนส แม็กซ์ แมคมาฮานผู้เชื่อว่ามีแต่หนูตกอับเท่านั้นละที่จะมีรูเดียวสร้างห้องลับไว้โดยเฉพาะ ระดับเขาแล้วต่อให้เป็นตู้คอนเทนเนอร์ถ้าเขาจะแอบเอาเข้าออกเดอะเคฟ มันก็ต้องเป็นไปอย่างง่ายดายและเงียบเชียบที่สุด จากห้องนี้แม็กซ์จึงเข้าออกตึกได้ราวล่องหน

“เจมส์ แมคเครย์!”

“ครับนาย!”

โฮ่งๆ โฮ่งๆ

“ฉันบอกให้แกไปเอาเจ้าซามอยด์มาตัวเดียว แกขนไอ้บุลด็อกหน้าย่นนี่มาด้วยทำไมวะ”

“ก็มันกัดผมไม่ยอมปล่อย เลยต้องลากมาด้วย” เจมส์ว่าแล้วชูแขนที่เพิ่งทำแผลเสร็จสดๆ ร้อนๆ ให้นายดู สัตวแพทย์ที่เขาหามาด้วยวิธี ‘พิเศษ’ กำลังปลุกปล้ำใส่ตะกร้อครอบปากให้มันอยู่ ส่วนเจ้าซามอยด์สาวยืนตัวสั่นขาสั่น ทำตาละห้อยอยู่ไม่ห่างเพื่อนที่ยังจ้องบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างเอาเป็นเอาตาย

“มูลค่ามันไม่น้อยนะครับนาย สองตัวนี่เป็นหมื่น ผมว่ายังไงคุณมอริสก็ไม่มีเงินชดใช้ให้บ้านแบรดลีย์แน่ นายก็รู้ว่าผัวเมียคู่นั้นขี้เหนียวจะตาย”

“ดี คราวนี้เห็นทีจะตะครุบเช็คของฉันแทบไม่ทัน”

“ครับ งั้นผมขอตัวครับนาย ต้องไปฉีดยาอีกรอบ ไอ้หมาหน้าตายดุฉิบหาย”

----------

รุ่งเช้าฝนตกปรอยๆ อย่างน่ารำคาญ แมกโนเลียยังไม่ลุกจากที่นอน หล่อนพลิกตัวไปมาเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูดังมาจากหน้าบ้าน

เมี้ยวๆ หง่าวๆๆ เสียงร้องเกรี้ยวกราดของคริสตัลบ่งบอกว่ามันกำลังโกรธ โกรธอย่างมากด้วย ว่าแต่...มันโกรธใคร

โฮ่งๆ โฮ่งๆ

แหง่วว!

งี้ดๆๆๆ

“โอ ไม่นะ แทรี่ แทรี่หลุดออกมาได้ยังไง” แมกโนเลียจำเสียงได้ถลันลุกขึ้นจากเตียงแล้ววิ่งไปที่หน้าบ้านที่เริ่มมีสงครามย่อมๆ เกิดขึ้น หล่อนรีบร้อนจนลืมสวมเสื้อคลุม ภาพที่เห็นคือเจ้าคริสตัลกำลังเดินไต่ไปมาบนราวลูกกรงระเบียงบ้านใกล้บันได และเจ้าบีเกิลแทรี่กำลังเห่าอย่างเอาเป็นเอาตาย มันเปียกปอน เลอะเปรอะโคลนสภาพดูไม่ได้เอาเสียเลย

“แทรี่ มานี่มา คริสตัลหยุดนะ”

งี้ดๆ เจ้าหมาน้อยโผเข้าหาหล่อน แมกโนเลียอุ้มมันเดินแกมวิ่งไปที่ร้านหนังสือมอริส ใจภาวนาขอให้เพื่อนผู้ซื่อสัตย์อีกสองตัวยังหลับอุตุอยู่ในนั้น

ได้โปรดเถิดพระเจ้า

แต่คำภาวนาของหล่อนไม่เป็นผล ประตูห้องเก็บของอยู่ในลักษณะเปิดแง้มไว้ ในห้องว่างเปล่าไร้ร่องรอยของเฮนรี่และสาวน้อยแองเจลลิก้า!

แมกโนเลียหอบหิ้วเจ้าบีเกิลน้อยวิ่งไปรอบๆ ร้าน ในสวนและกลับไปบริเวณรอบบ้าน หล่อนร้องเรียกหาพวกมันเสียงดังลั่น แต่ก็ไม่มีวี่แววของเจ้าสัตว์เลี้ยงทั้งสอง หญิงสาวคว้าโทรศัพท์มากดโทร.ออกไปยังหมายเลขที่จำได้ขึ้นใจ

“ลุงเจมส์คะ หนูคิดว่ามีขโมยงัดเข้ามาที่ร้านค่ะ มันลักพาตัวหมาของบ้านแบรดลีย์ไปสองตัว” หล่อนเสียงสั่น ละล่ำละลักบอกไปในสาย ไม่นานรถสายตรวจของเจมส์ บราวน์ก็เปิดไซเรนแล่นเข้ามาจอดหน้าร้านหนังสือมอริส

ที่อีกฟากของถนน เสียงไซเรนปลุกให้เจ้าของเดอะเคฟ ฟิตเนส ลุกขึ้นมาจากเตียงบนเพนต์เฮาส์ส่วนตัวชั้นบนสุด เขาแหวกม่านสีทึบออกดูเห็นไฟหน้าร้านหนังสือมอริสเปิดสว่าง ภายในร้านก็เช่นเดียวกัน ร่างเล็กวิ่งวนไปมานำหน้านายตำรวจชรา ในอ้อมกอดของหล่อนมีเจ้าบีเกิลน้อย

“บริการรวดเร็วทันใจจริงนะ เจ้าหน้าที่บราวน์” เขาพึมพำกับตนเอง ก่อนจะปิดม่านแล้วเดินกลับไปเอนหลังหลับตาบนเตียงกว้างด้วยความสมใจ ปล่อยให้คนอีกฟากหนึ่งร้อนรนจนแทบบ้า

“ไม่มีอะไรเสียหายหรือถูกขโมยไปใช่ไหมแม็กกี้ นอกจากเจ้าพวกนั้น”

“ไม่ค่ะ หนูคิดว่าไม่มีนะคะ แค่ประตูห้องของเด็กๆ เปิดอยู่แล้วพวกมันก็หายไป”

“ไม่เป็นไร ลุงจะออกไปตระเวนดู เผื่อมันหลุดออกไป”

“ค่ะ แต่ประตูเปิดได้ยังไง ในเมื่อหนูล็อกแล้ว หนูมั่นใจค่ะ”

“หนูอาจจะลืมก็ได้ แม็กกี้ รอที่นี่นะ เดี๋ยวลุงออกไปตามดูก่อน ล็อกประตูให้ดีๆ ใจเย็นๆ นะ”

“แล้วถ้าหาพวกมันไม่เจอล่ะคะ”

“พรุ่งนี้เราต้องไปแจ้งที่ศูนย์พิทักษ์สัตว์ ลุงเชื่อว่าสัตว์เลี้ยงของบ้านแบรดลีย์ทุกตัวต้องฝังไมโครชิปอยู่แล้ว ถ้ามีคนเจอพวกมันแล้วเอามาส่งที่ศูนย์ เจ้าหน้าที่จะสแกนไมโครชิปแล้วติดต่อเจ้าของ”

“ติดต่อเจ้าของหรือคะ โอ้ ไม่นะ ถ้าเขาติดต่อคุณแบรดลีย์ หนูต้องตายแน่” น้ำเสียงของหล่อนร้อนรน

“งั้นหนูต้องไปที่ศูนย์แต่เช้า แจ้งหายไว้หากมีคนเอามาคืนเขาจะได้โทร.หาหนูก่อน”

“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะลุงเจมส์”

รถของเจ้าหน้าที่เจมส์ บราวน์แล่นออกไปแล้ว แม็กกี้รวบเจ้าแทรี่เข้ามากอดไว้แน่น หล่อนกลัวเหลือเกิน กลัวอันตรายที่อาจจะเกิดกับสุนัขทั้งสองและกลัวเจ้าของของพวกมันจะโกรธและเสียใจมาก และหากพวกเขาเรียกค่าเสียหายขึ้นมา หล่อนจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย

เจมส์ บราวน์กลับเข้ามาในร้านหนังสือมอริสอีกครั้งก่อนแปดโมงเช้าของวันนั้น สีหน้าเคร่งขรึมของเขาทำให้ความหวังที่มีอยู่น้อยนิดอยู่แล้วของแมกโนเลียปลิวหายไปทันใด หล่อนสูดลมหายใจเข้าลึก ฝากเจ้าบีเกิล คริสตัล และร้านไว้กับซาร่า แล้วหล่อนก็ขับรถออกไปที่ศูนย์พิทักษ์สัตว์และขับรถวนรอบเมืองเผื่อว่าจะพบพวกมัน แมกโนเลียขับรถไปแถวคฤหาสน์แบรดลีย์ด้วย เผื่อว่าพวกมันหลุดออกมาแล้วจะพากันเดินกลับบ้าน

แต่ความหวังสุดท้ายของหล่อนก็เป็นอันต้องสลาย เมื่อหาเท่าไรก็หาไม่เจอ เหลือเวลาอีกไม่ถึงสี่สิบแปดชั่วโมง สองสามีภรรยาแบรดลีย์ก็จะกลับมา แล้วหล่อนจะไปหาอิงลิช บุลด็อกหน้าดุ กับสาวน้อยซามอยด์ที่ไหนมาคืนพวกเขากันล่ะ!

----------

เวลาแปดชั่วโมงผ่านไปอย่างเชื่องช้า นับเป็นการทรมานหล่อนทั้งเป็น ซาร่าลากลับบ้านไปหลังจากอยู่ปลอบใจรุ่นพี่สาวอยู่พักใหญ่ เจมส์ บราวน์ยังไม่หยุดตามหาสุนัขทั้งสอง แมกโนเลียคิดจะออกตามหาเฮนรี่กับแองเจลลิก้าอีกรอบ หล่อนคว้ากุญแจรถ ปิดร้าน แต่แล้วก็เดินมาทรุดนั่งที่ชิงช้าไม้ใต้ต้นแมกโนเลียใหญ่หน้าร้านด้วยความเหนื่อยอ่อน

วินาทีนี้หล่อนคิดถึงบิดามารดาเป็นที่สุด

เจ้าบีเกิลน้อยแทรี่นั่งบนตักของหล่อนท่าทีหงอยเหงาผิดธรรมชาติของมัน คริสตัลปีนป่ายไปตามกิ่งใหญ่ของต้นแมกโนเลีย ยามมันขยับไปที่ปลายกิ่งจนไหวยวบ กลีบดอกขาวบริสุทธิ์ที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลก็โรยร่วงลงพื้น

โฮ่งๆ โฮ่งๆ

“แทรี่ มีอะไร” หล่อนเกือบตะครุบตัวมันไว้แทบไม่ทัน จู่ๆ เจ้าหนูหูกระต่ายก็ดิ้นอย่างแรง มันพยายามกระโจนลงจากตักหล่อนและพุ่งไปฝั่งตรงข้ามของถนน แมกโนเลียมองตามอัตโนมัติ ในแสงสลัวยามค่ำหล่อนเห็นรถแวนสีดำใหม่เอี่ยมอยู่คันจอดอยู่ข้างตึกสูงตระหง่านของเดอะเคฟ ฟิตเนส ด้านที่เป็นที่จอดรถส่วนตัว แมกโนเลียสาบานได้ว่าแวบหนึ่งหล่อนเห็นหางขาวๆ ฟูฟ่องหายเข้าไปในรถคันนั้น ที่สำคัญหล่อนเห็นเฮนรี่กำลังถูกลากถูลู่ถูกังไปขึ้นรถคันเดียวกัน! เจ้าหน้าดุสู้ไม่ถอย ทั้งที่ปากของมันถูกตะกร้อครอบไว้

“เฮนรี่ๆ อย่า...อย่าเอาพวกมันไปนะ ปล่อยมันเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงของหล่อนกลืนไปกับเสียงรถบนท้องถนนยามค่ำ แมกโนเลียถลาลุกขึ้น เจ้าบีเกิลน้อยกระโดดลงจากอ้อมแขนหล่อน ยังดีที่หล่อนมีสายจูงคล้องคอมันไว้ ก่อนที่รถคันนั้นจะแล่นออกไปจากที่จอด หล่อนเห็นร่างสูงบึกบึน ในชุดออกกำลังสีน้ำเงินเข้มเดินมาขึ้นรถทางประตูที่บอดี้การ์ดเปิดไว้ให้ ดูเหมือนเขาหันมามองหล่อนอย่างเย้ยหยันผ่านแว่นกันแดดราคาสูงลิ่วที่ปิดบังดวงตาร้ายๆ คู่นั้นไว้แทบไม่มิด

แมกโนเลียรวบเจ้าบีเกิลไว้แขนซ้าย คว้าเจ้าคริสตัลด้วยแขนขวาแล้ววิ่งถลาไปที่รถตัวเองทันที หล่อนจะปล่อยให้พวกมันเอาเฮนรี่กับแองเจลลิก้าไปโดยไม่ทำอะไรไม่ได้ สาวน้อยสตาร์ตรถแล้วเหยียบคันเร่งสุดชีวิตอย่างไม่เคยทำมาก่อน หล่อนมองไปมองมาในรถแล้วก็อุทานออกมาด้วยความโมโห

“บ้าจริง ลืมโทรศัพท์เสียได้”

นี่หล่อนกำลังไล่ล่าไอ้คนโรคจิต โดยที่ไม่มีตัวช่วยใดๆ เลยอย่างนั้นหรือ

แม็กซ์ แมคมาฮาน นายจะจองล้างจองผลาญฉันไปถึงไหนกันนะ!

 

 

** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com