ทดลองอ่าน ปลายปากกาอินเลิฟ 2 เรื่อง ใต้ร่มแมกโนเลีย : ตอนที่ 3

 

 

ตอนที่ 3

 

 

เวลาตีสองกว่า เรือเร็วลำหนึ่งกำลังแล่นลิ่วอยู่บนผิวน้ำสีดำสนิททาบทาด้วยแสงจันทร์ยวนตา ความปราดเปรียวของมันทำให้พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หลบหลีกซากไม้ยืนต้นและหักโค้งตามความคดเคี้ยวของแม่น้ำนิวริเวอร์ไปอย่างช่ำชอง ปลายทางคือ ‘คฤหาสน์แมคมาฮาน’ ที่ยืนตระหง่านอยู่บนฝั่งที่สูงชันหลังแมกไม้ริมฝั่งแม่น้ำ ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาจึงเห็นเพียงแค่เค้าโครงความสง่างามของมันรางๆ และท่าเรือที่สร้างไว้จอดสารพัดยานพาหนะทางน้ำด้านหน้ากับศาลาหกเหลี่ยมสีขาวที่ดูเดียวดาย

ทันทีที่ส่งนายถึงที่พักอย่างปลอดภัย บอดี้การ์ดทั้งหลายของเขาก็พากันออกไปเงียบๆ แม็กซ์ แมคมาฮานนั่งจิบวิสกี้รสนุ่มก้นแก้วและจุดซิก้านิคารากัวสูบและพ่นควันหอมแรงออกมาเป็นระยะๆ เขาเอนกายอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ในห้องนอน ไม่ห่างจากเตียงที่ผ้าปูยังตึงเรียบ สายตาคมมองผ่านกระจกใสออกไปยังแนวไม้ที่พรางผืนน้ำสงบไหลเอื่อยของแม่น้ำเก่าแก่ ค่ำคืนเดือนหงายในฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามไม่อาจทำให้ใจเขาสงบได้เท่าที่ควรจะเป็น

เจมส์ บราวน์...ชื่อนี้ทำให้จิตใจเขาขุ่นมัวได้เสมอ ตาแก่ที่ทำตัวเป็นปีศาจที่จองล้างจองผลาญเขาไม่เลิก ตั้งแต่เขาเกิดมาคนผู้นี้ก็เข้ามาในชีวิตเหมือนญาติสนิท ที่จริงในวัยเด็กแม็กซ์ใช้ชีวิตกับบราวน์มากกว่าบิดาแท้ๆ ของเขาเสียอีก ไมเคิล แมคมาฮานเป็นนาวิกโยธินพันธุ์แท้ที่เลือกรับใช้ชาติมากกว่าครอบครัวตัวเอง เขาอาสาไปในทุกสนามรบราวกับไม่มีครอบครัวให้ห่วง รบทุกสนามจนเกษียณแต่ก็ยังไม่วายเป่าสมองตัวเองตายอย่างอ้างว้าง

มารดาของเขาเลิกแยแสเขากับบิดาไปตอนไหนก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีแม็กซ์ก็ต้องเข้าสถานบำบัดเด็กติดยาเสพติดและมีพฤติกรรมก้าวร้าว เพียงเพราะเขาพยายามงัดรถของตาแก่คนหนึ่งแล้วหนีตำรวจไม่ทัน

ไม่เพียงบิดาจะไม่ใส่ใจเขา แต่ยังบอกให้เจมส์ บราวน์โยนเขาเข้าสถานกักกันชนิดลืมวันลืมคืน ตลอดเวลาครึ่งปีในคุกแห่งนั้น แม็กซ์สะสมความแค้นไว้ท่วมท้น เขาโกรธทุกอย่าง โกรธบิดาที่เลือกงานมากกว่าเขาและมารดา โกรธมารดาที่เลือกชีวิตที่อิสระสุขสบายแทนที่จะเลือกเขา และเจมส์ บราวน์พ่อทูนหัวที่ถีบหัวเขาส่งอย่างไม่ไยดี เจ้านั่นปล่อยให้เขาติดคุกเพียงเพราะความผิดหยุมหยิมนั่น!

ไม่ว่าแม็กซ์จะทำอะไรหลังจากออกจากสถานที่ดัดสันดานนรกนั่น เจมส์ บราวน์จะตามดมกลิ่นเขาเป็นเงาตามตัวเสมอ

คิดจะดัดสันดานเขาอย่างนั้นรึ

ไม่มีวันเสียล่ะ แม็กซ์ย้ายตัวเองไปเมืองใหญ่และสร้างตัวตนของแม็กซ์ แมคมาฮานผู้มั่งคั่งขึ้นมาใหม่ ก่อนจะกลับมาผงาดเหนือใครที่นี่ เมืองสุขสงบของชนชั้นสูงที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเจมส์ บราวน์

คิดจะขวางเขารึ ตาแก่นั่นคิดผิดแล้ว!

แม็กซ์ไม่ชอบเรื่องหยุมหยิม และการเสนอขอซื้อที่จากแม่สาวเอเชียตัวเล็กนี่ชักจะยุ่งเกินความจำเป็น เขามีแผนปรับย่านนั้นให้มีความทันสมัยเหมาะกับลูกค้ารุ่นใหม่กระเป๋าหนัก ที่ไม่สนใจราคาค่าบริการมากกว่าความพึงพอใจในไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ

ครอบครัวแสนสุข บ้านน้อยและร้านหนังสือเล็กๆ ในเมืองแสนสงบอย่างนั้นหรือ... บ้านมอริสได้สิ่งนั้นมานานมากแล้ว มาร์ค มอริสลาออกจากราชการทหารหลังจากลงสมรภูมิรบได้ไม่กี่ครั้งอย่างคนขี้ขลาด เขาเห็นแก่ครอบครัวจนทิ้งเพื่อนสองคน ส่วนตาแก่บราวน์ได้รับบาดเจ็บสาหัส รอดตายมาได้ก็กลับไปรับราชการทหารต่อไม่ได้แล้วถึงได้ผันตัวมาเป็นตำรวจ เหลือไว้แต่บิดาของเขา ที่กระโจนเข้าสนามรบอย่างบ้าคลั่ง ทิ้งทุกอย่างเพื่อสงคราม

ชีวิตสงบสุขหรือ... แมกโนเลีย มอริสได้มันมาตลอดชีวิตตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ เขาสิกลับต้องจ่อมจมอยู่กับความทุกข์และการกระเสือกกระสนเอาตัวรอด บิดาไปทาง มารดาไปทางเป็นตายร้ายดีอย่างไรไม่อาจจะรู้ได้ ทุกครั้งที่บิดาติดต่อมา แม็กซ์ได้สัมผัสเพียงความเกรี้ยวกราดที่บิดามีต่อความไม่เอาไหนของลูกชายอย่างเขาที่เจมส์ บราวน์เอาไปฟ้อง แม็กซ์หมดความพยายามจะดี เขากระโจนเข้าสู่เส้นทางสีเทาตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่ม สร้างตัวตนของแม็กซ์ แมคมาฮานให้ผงาดขึ้นมาด้วยสองมือของเขาเอง แต่ความสำเร็จของเขามันกลับไม่เข้าท่าในสายตาของเจมส์ บราวน์ และแน่นอนว่าทั้งบิดาของเขาที่จากไปและมาร์ค มอริสถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็คงรุมด่าเขาไปด้วย

แต่เขาจะสนใจไปทำไมกัน อย่างไรเสียเขามันก็ตัวเกเรอยู่วันยังค่ำ!

ในเมื่อแมกโนเลียมีสิ่งที่เขาอยากได้ เขาก็จะเอามันมาครอบครองให้ได้ ยิ่งเจมส์ บราวน์ทะนุถนอมหล่อนเท่าไร เขาก็ยิ่งอยากก่อกวนชีวิตหล่อนมากเท่านั้น อยากรู้นักว่าแม่หนูโลกสวยจะเป็นอย่างไรถ้าโลกทั้งใบถล่มลงมาต่อหน้าต่อตา

คอยดูเถิด ถ้าได้ที่ดินผืนนั้นมาครอบครองเมื่อไหร่ เขาจะลอกคราบตึกอิฐแดงคร่ำครึนั่น ทลายกำแพงหนาเย็นชืดแสนน่าเบื่อนั่นลงเสียให้สิ้น แล้วติดกระจกเสียให้รอบตัวอาคาร เพื่อดึงดูดลูกค้าชายหญิงที่หลงใหลในความงามของสรีระร่างกายและกล้ามเนื้อมัดแน่นๆ ของตน โค่นต้นไม้แก่ออกดอกสีขาวไร้ประโยชน์นั่นทิ้งซะ รื้อแปลงกุหลาบเก่าสีหวานเลี่ยนทิ้งไม่ให้เหลือซากแล้วราดซีเมนต์ทำลานจอดรถที่ทันสมัยโดยรอบ

แค่คิดเขาก็แทบรอไม่ไหวแล้ว

คงจะต้องหาโอกาสเจรจากับยายหนอนหนังสือแว่นหนานั่นให้ได้ รู้หรอกน่าว่าหล่อนพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเจรจาธุรกิจด้วย ทั้งๆ ที่เขาส่งเลขาฯ หนุ่มหล่อไปเจรจาขอซื้อที่ในราคาสูงลิ่วมาตั้งหลายรอบแล้ว

ลูกไม้เล่นตัวโก่งราคาล่ะสิ ไม่รู้หรือไงว่าความเก่าคร่ำครึของร้านหล่อน มันทำลายบรรยากาศการลงทุนในย่านธุรกิจที่เขาต้องการจะสร้างให้เกิดขึ้นมากขนาดไหน!

----------

เช้าที่ไร้ฝนวันหนึ่งของฤดูใบไม้ผลิ ในร้านอาหารเก่าแก่กว่าห้าสิบปีชื่อว่า ‘ครัวป้าเฮเลน’ มีแขกผู้นิยมอาหารทางใต้รสชาติเข้มข้นมานั่งจับจองกันคับคั่ง โต๊ะทุกโต๊ะเต็มหมด พนักงานให้บริการสาวสามคนกำลังหัวหมุนเดินดูแลโต๊ะนั้นทีโต๊ะนี้ที บ้างวางเมนูและพูดคุยกับลูกค้า บ้างเสิร์ฟอาหารเช้าหอมกรุ่นลงบนโต๊ะ หรือไม่ก็เก็บกวาดอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

“แม็กกี้ ช่วยเติมชามะนาวที่โต๊ะสี่ทีนะจ๊ะ กาแฟด้วยสองที่”

“ค่ะป้า” หล่อนคว้ากาน้ำชาและกาแฟเดินตรงไปยังโต๊ะเป้าหมาย แต่แล้วเมื่อเห็นชายหนุ่มสามคนที่นั่งอยู่โต๊ะในสุดตัวนั้น จากที่กำลังสาวเท้าเร็วๆ เข้าไปหา ถึงกับชะงัก จังหวะเดียวกันกับที่หนึ่งหนุ่มบนโต๊ะนั้นเงยหน้าขึ้นจากมื้อเช้าของเขา

“คุณมอริส!”

เมื่อหนีไม่พ้น เท้าเล็กๆ ของหล่อนก็จำต้องก้าวเข้าไปหา คนที่นั่งอยู่ในสุดเงยหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์ ชำเลืองมองหล่อนในคราแรกก่อนจะวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วมองหล่อนอย่างเต็มตา แมกโนเลียรู้สึกว่ามือที่จับหูกาเริ่มสั่นระริก

“ชาค่ะ” หล่อนเอ่ยเป็นเชิงถามว่าของใคร เคนเนธ โจนส์จึงยกแก้วของเขาขึ้นรอรับชาร้อนๆ หอมกรุ่นที่หล่อนเทลงมา

“กาแฟค่ะ” หล่อนเอ่ยอีกครั้ง คราวนี้เคนเนธจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วของนายมาให้แต่ถูกตาดุคู่นั้นถลึงใส่ แล้วเขาก็ไม่ยอมยกแก้วกาแฟที่อยู่ในสุดของเขามาให้หล่อน แมกโนเลียกัดริมฝีปากล่างของตนอย่างขัดใจ หล่อนยอมเดินอ้อมเคนเนธไปใกล้เขา

เห็นชัดอยู่แล้วว่าหล่อนไม่มีมือจะหยิบแก้วกาแฟของเขา อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมเลื่อนมาให้ แมกโนเลียโน้มตัวเข้าไปใกล้ ค่อยๆ รินกาแฟใส่แก้วให้จนเกือบเต็ม แขนหล่อนเกร็งจนปวด

“ขอบคุณ” เสียงแหบห้าว กังวานดังก้อง หล่อนแยกยิ้มก่อนจะเอ่ยถามว่า

“รับอะไรเพิ่มอีกไหมคะ”

“ของหวาน” เสียงห้าวดังมาอีก เคนเนธกับอีกหนึ่งหนุ่มสบตากัน

แม็กซ์ แมคมาฮานน่ะเหรอจะกินของหวาน บ้าไปแล้ว!

“เรามีเรด เวลเวต ชีสเค้ก พีแคน บลูเบอร์รีชีสเค้กแบบดั้งเดิม ไม่ทราบจะรับอะไรดีคะ”

“ว่าไงเคนเนธ เจมส์ พวกนายสนใจของหวานของคุณผู้หญิงหน่อยไหม” เขาหันไปทางลูกน้องเลิกคิ้วยียวน

นายกำลังสนุก เคนเนธนึกในใจก่อนส่ายหน้าปฏิเสธ

“เรด เวลเวตสองที่ก็แล้วกัน”

“ได้ค่ะ สักครู่นะคะ” หล่อนหมุนตัวเดินจากไป

“เตี้ย ผมดำ ตัวเล็ก” นายคงไม่ได้หมายถึงอาหารเช้าที่กำลังละเลียดอยู่หรอกนะ

“แต่ผมว่าบั้นท้ายหล่อนงอนงามไม่เลว” เจมส์ แมคเครย์นึกสนุกไปด้วย

“งั้นเรอะ ตาไวฉิบ กลับมาต้องขอดูอีกที”

“สาวฟิลิปปินส์ล่ะสิครับ เล็กพริกขี้หนูแบบนี้” บอดี้การ์ดหนุ่มพูดต่อ

“หล่อนเป็นลูกครึ่งไทย ชื่อแมกโนเลีย” เคนเนธบอกด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ เขารู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ กับนายเขารู้ว่ากำลังเล่นสงครามประสาทกับสาวน้อยผู้นั้น แต่เขาจะไม่ยอมให้เจมส์ล้ำเส้นเป็นแน่

แม็กซ์ยกกาแฟขึ้นจิบ รสขมเข้มของมันทำให้เขาตื่นและนึกสนุก ดวงตาตื่นๆ ของเจ้าของร่างเล็กนั่นไม่น่าทำให้สิ่งที่เขาต้องการยากไปกว่านี้ สงสัยว่าเคนเนธคงอ่อนข้อให้หล่อนมากเกินไปกระมัง

หมอนี่มันขี้สงสารเสียด้วยสิ

“เรด เวลเวตได้แล้วค่ะ” เสียงหวานใสเอ่ยบอกพร้อมกับวางเค้กสองจานลงตรงหน้าลูกค้า ใจอดนึกขันไม่ได้ ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าของฟิตเนสชื่อดังสั่งมื้อเช้าที่แคลอรีขึ้นพรวดๆ แทบจะนับไม่ทัน

“ไม่รับของหวานสักหน่อยหรือคะ” หล่อนหันไปถามเคนเนธ ใบหน้ารีเล็กสว่างไสวด้วยรอยยิ้มของหล่อนนั้นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกใจเต้นแรง

“ไม่ละครับ ผมอิ่มมาก ขอบคุณครับ”

“ค่ะ เติมชาสักหน่อยนะคะ” หล่อนรินชาร้อนให้เขาอีกรอบ เคนเนธ มองหน้าผากเกลี้ยงเนียนคิ้วโก่ง ขนตางอนงาม และดวงตาสีอำพันที่เงยขึ้นมองสบ

“ขะ...ขอบคุณครับ”

ระหว่างนั้นคนเป็นนายปรายตามองพลางยิ้มเยาะ

เหอะ! หลงเสน่ห์ยายหนอนหนังสือเข้าแล้วสินะ มิน่าเล่าถึงทำงานไม่สำเร็จสักที!

“ต้นไม้ที่ปลูกเป็นยังไงบ้างครับ” เคนเนธเอ่ยถามก่อนที่เจ้าหล่อนจะหมุนตัวเดินจากไป ราวกับว่าจะรั้งหล่อนไว้ เจมส์เลิกคิ้วมองสบตานายหนุ่ม

“งามดีค่ะ ปลูกพอดีได้ฝน กำลังแตกใบใหม่ ขอบคุณนะคะ”

“ครับ”

“ต้นอะไรรึ” เจมส์ถามสอดขึ้นอย่างอดไม่ได้

“ต้นแมกโนเลียค่ะ”

“อืม ไม้ใหญ่ โตไว โค่นยาก ปลูกไว้อาจจะกีดขวางในอนาคต” เจ้านายของพวกเขาออกความเห็นที่ไม่มีใครต้องการ

“ค่ะ แต่ฉันไม่มีแผนอนาคตใดๆ ที่จะต้องโค่นมัน แมกโนเลียที่หน้าร้านอายุกว่าห้าสิบปีแล้ว”

“ผมขอเตือนด้วยความหวังดีหน่อยนะ ถ้าโชคร้ายพายุมาแรงมันก็คงโค่นลงบนร้านหนังสือของคุณพอดี หรือไม่ก็ล้มลงมาบนถนน อีกไม่กี่เดือนก็หน้าพายุ ดูแล้วไม่น่าจะรอด”

คนแปลกหน้าเขาเตือนกันเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ นี่แน่ใจนะว่าเตือน ไม่ใช่แช่ง!

“ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วง แต่ดิฉันคิดว่าแมกโนเลียต้นนั้นคงอยู่ได้อีกเป็นสิบๆ ปี ขอตัวนะคะ” ท้ายประโยคนั้นเสียงของหล่อนสั่นอย่างกลั้นไม่อยู่ มือบางกำแน่นจนเจ็บ หล่อนหันขวับเดินลับหายเข้าไปในครัว เจมส์ แมคเครย์อ้าปากค้าง เคนเนธมองตามไปด้วยความกังวล ส่วนคนเป็นนายยิ้มกริ่มพยักหน้าช้าๆ อย่างพึงพอใจ

วันนั้นมีทิปเป็นแบงก์ใบละร้อยดอลลาร์สามใบวางไว้ที่โต๊ะนั้น ทำให้ทุกคนในร้านฮือฮากันไปทั้งวัน มีเพียงแมกโนเลียที่ได้แต่เก็บความโมโหไว้ในใจ

แม็กซ์ แมคมาฮานตัวจริงช่างหยิ่งยโส อวดร่ำอวดรวย และเขื่องเป็นที่สุด!

แต่ถึงกระนั้น แมกโนเลียก็อดอุ่นใจไม่ได้ ทิปก้อนนั้นต่อชีวิตหล่อนไปได้อีกหลายวัน

 

 

** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com