คืนนั้น ในขณะที่ลลีนากำลังเซิร์ชดูข้อมูลของประเทศเนปาลเพื่อเตรียมตัวคร่าวๆ โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น ลลีนาหยิบมากดรับสายโดยไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มบางๆ ปรากฏอยู่เมื่อเห็นชื่อเขาบนหน้าจอ
“ผมโทร.มารบกวนคุณนุ่นหรือเปล่าครับ” เขาเอ่ยอย่างเกรงใจมาตามเคย
“ไม่ค่ะ คุณภีมมีอะไรหรือคะ”
“ผมอยากขอบคุณน่ะครับที่วันนี้อุตส่าห์ทำข้าวซอยให้กิน แถมยังอร่อยมากด้วย ไม่ได้กินข้าวซอยรสนี้มานานแล้ว...” ท้ายเสียงของเขาเหมือนมีความเศร้าเจืออยู่จางๆ จนถ้าไม่สังเกตก็คงไม่รู้ ก่อนที่เขาจะปรับเสียงตัวเองใหม่ให้ดูร่าเริงขึ้น “อ้อ เรื่องไปเนปาล กว่าจะได้เดินทางอากาศคงเย็นแล้ว เตรียมเสื้อผ้าไปเผื่อด้วยนะครับ เพราะบนเขาคงจะหนาวกว่าที่ในเมือง”
“ค่ะ ตอนแรกไม่คิดเลยว่าจะได้ไป เวลามีให้จับฉลากทีไรดวงไม่เคยได้เลยค่ะ นี่อาศัยโชคของน้องสรล้วนๆ ว่าแต่คุณภีมต้องไปทำอะไรบ้างหรือคะ”
“ก็คงต้องไปช่วยทีมถ่ายทำรายการท่องเที่ยวนั่นแหละครับ แล้วก็ไปช่วยดูแลแฟนคลับด้วย”
“ดีใจนะคะที่รู้ว่าคุณภีมไปเนปาลด้วย อย่างน้อยๆ ก็ยังมีคนรู้จักไปทริปนี้” พอเอ่ยไปแบบนั้นลลีนาก็ได้ยินเสียงเขาหัวเราะออกมาเบาๆ
“ลืมไปหรือเปล่าครับว่ากลทีป์เขาก็ไปด้วย เขาเป็นคนที่คุณนุ่นเชียร์นะครับ”
ลลีนาอยากบอกว่าไม่ได้ลืม แต่เป็นเพราะเธอเริ่มกลัวแฟนคลับของกลทีป์แล้วต่างหาก หลังจากที่โดนเขม่นวันก่อน การที่มีภีมไปด้วยทำให้เธออุ่นใจมากขึ้น อย่างน้อยก็มีเขาเป็นพวก แม้ไม่รู้ว่าเขาจะคิดว่าเธอเป็นพวกด้วยหรือเปล่าก็เถอะ แต่พูดไปอย่างที่คิดไม่ได้ เธอจึงเอ่ยไปแค่ว่า
“แค่รู้สึกหวั่นๆ น่ะค่ะ ไม่เคยไปกรุ๊ปทัวร์แฟนคลับแบบนี้มาก่อน”
“ไม่มีอะไรน่ากังวลหรอกครับ ไปเที่ยวกันสนุกๆ พร้อมกับคนที่เราเชียร์ ผมว่าจะมีแต่เรื่องดีๆ” ลลีนาไม่รู้ว่าภีมเรียนจิตวิทยามาหรือเปล่า แต่พอฟังคำพูดของเขาแล้วทำให้เธอรู้สึกสบายใจและอบอุ่นใจ ไม่รู้สึกกังวลอีก และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เธอคุยกับเขาอีกหลายเรื่องจนเวลาเกือบเที่ยงคืน
“ดึกมากแล้ว คุณนุ่นพักผ่อนเถอะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่บอกเรื่องเนปาล”
“ครับ เอ่อ คุณนุ่น” ภีมอึกอักคล้ายอยากจะพูดอะไรอีก
“คะคุณภีม”
ภีมยังคงนิ่งไปอีกครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงเหมือนเขาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วเอ่ยออกมาว่า
“ฝันดีนะครับ” แล้วเขาก็กดวางสาย
ลลีนาอยากจะถอนคำพูดที่ว่า เวลาอยู่กับภีมแล้วเธอรู้สึกสบายใจ เวลาได้ฟังคำพูดของเขาแล้วไม่เครียด ไม่กังวล เพราะตอนนี้เธอกำลังรู้สึกว่าคำว่า ‘ฝันดีนะครับ’ ที่ภีมเอ่ยออกมานั้น กำลังจะทำให้เธอนอนไม่หลับและเริ่มคิดมากเสียแล้ว
ว่าแต่คำว่า ‘ฝันดีนะครับ’ นี่ คนรู้จักเขาเอาไว้ใช้บอกลากันก่อนนอนเป็นเรื่องปกติหรือเปล่านะ
ลลีนาถามตัวเอง ก่อนจะพลิกหน้าลงซบกับหมอนไม่อยากคิดอะไรอีกแล้วในตอนนี้
----------
เป็นโชคดีของลลีนาที่ช่วงก่อนเดินทางไปเนปาลนั้น ภีมต้องเร่งถ่ายทำรายการเด็ก และช่วยทีมงานเตรียมงานหลายอย่าง เขาจึงไม่ได้แวะเวียนมาที่ร้าน นั่นทำให้เธอพอมีเวลาปรับหัวใจตัวเองบ้าง ในขณะเดียวกันเธอก็ได้ติดตามภาพและคลิปข่าวของกลทีป์กับเพื่อนๆ ที่ได้ที่สองกับที่สามออกงานขอบคุณผู้สนับสนุนรายการ ลลีนาย้ำกับตัวเองว่าผู้ชายแบบกลทีป์นี่ต่างหากที่เธอชอบ ถึงจะเป็นแค่ชายที่อยู่ในฝันก็ตาม เธอมีความสุขกับการที่ได้เป็นฝ่ายมองจากที่ไกลๆ มากกว่า เพราะนึกไม่ออกเลยว่าถ้าตัวเองมีแฟนจริงๆ ขึ้นมาจะเป็นยังไง แม้จะแปลนิยายรักมาหลายต่อหลายเรื่อง แต่เธอก็ไม่เคยเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกตอนหัวใจมีความรักเลยสักนิด
----------
ทริปเนปาลใกล้จะมาถึงในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้านี้แล้ว ลลีนาสูดหายใจเข้าเต็มปอดพกความกล้าเต็มกระเป๋าเข้าไปขออนุญาตลินดา เพราะนี่นับว่าเป็นครั้งแรกของเธอเลยก็ว่าได้ที่ไปเที่ยวต่างประเทศโดยที่มารดาไม่ได้ไปด้วย แต่ระยะหลังมานี้มารดาเริ่มจะปล่อยให้เธอทำอะไรๆ หรือไปไหนมาไหนด้วยตัวเองมากขึ้นอยู่แล้ว เธอเลยกล้าเอ่ยปากขอ และเมื่อท่านไฟเขียวมาเท่านั้น ไม่ต้องบรรยายเลยว่าหญิงสาวจะดีใจแค่ไหน
หลังจากลลีนาส่งเอกสารให้กับทีมงานรายการเรียบร้อย ทางนั้นก็ส่งตารางทัวร์คร่าวๆ มาให้ดูว่าจะมีไปเที่ยวที่ไหนบ้าง และต้องเตรียมตัวอย่างไร นภสรตื่นเต้นมากถึงขนาดชวนเธอออกไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ด้วยกันเพื่อทริปเนปาลโดยเฉพาะ ทั้งที่เจ้าตัวก็ไปเที่ยวต่างประเทศออกบ่อย
คืนก่อนเดินทางภีมโทรศัพท์มาหาลลีนา คราวนี้หญิงสาวต้องสูดลมหายใจตั้งสติและบอกกับตัวเองว่าไม่มีอะไรให้เธอคิดมาก คำว่าฝันดีนะของเขาก็คือคำล่ำลาก่อนนอนตามปกติของคนที่รู้จักกันเท่านั้น แล้วหญิงสาวก็กดรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
“คุณนุ่นเตรียมตัวพร้อมหรือยังครับ จะเดินทางพรุ่งนี้แล้ว” เสียงเขาเอ่ยถามมาฟังชัดว่ามีความเป็นห่วงเจือมาอยู่เต็มเปี่ยม
“เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณภีมล่ะคะ ช่วงนี้ยุ่งมากหรือเปล่า”
“ก็นิดหนึ่งครับ ต้องรีบทำอะไรหลายๆ อย่าง แล้วก็ต้องเตรียมงานด้วย ไปทำงานนี่นา จะลืมอะไรไม่ได้เลย”
“คงเหนื่อยน่าดูนะคะ” ฟังเขาเล่าแล้วลลีนาก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมานิดๆ เหมือนกัน เพราะดูเขาจะวุ่นอยู่ไม่น้อย เสียงยังติดเหนื่อยๆ อยู่เลย
“ไม่มากเท่าไรครับ ตอนเตรียมงานอาจยุ่งหน่อย แต่ถ้างานสำเร็จออกมาดีมันก็จะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลยครับ”
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ต้องรีบพักผ่อนเยอะๆ นะคะ จะได้มีแรงทำงานพรุ่งนี้”
“ขอบคุณมากครับที่เป็นห่วง งั้นผมไม่กวนคุณนุ่นแล้วนะครับ เจอกันพรุ่งนี้ครับ”
“ค่ะ” พอเธอเอ่ยตอบรับไป เขาก็กดวางสาย
คืนนี้ไม่มีคำว่าหลับฝันดีแฮะ ที่จริงเธอควรจะโล่งใจสิ แต่ทำไมกลับรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง...
หญิงสาวถามตัวเองด้วยความสงสัยในความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อภีมวางสายไปง่ายๆ แต่แล้วก็ต้องสะบัดศีรษะไล่ความคิดเหล่านั้น
โอ๊ย ไม่คิดๆ นอนได้แล้วยายนุ่น เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย
** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **