แม้ยืนอยู่ตรงหน้าสนาม Stadio Olimpico กรุงโรม อิตาลี เอวาก็ยังไม่เชื่อตัวเองเลยว่านี่คือเรื่องจริง มิใช่กำลังละเมอเพ้อฝัน ลมเย็นจัดพัดมาย้ำเตือนว่าเธอยืนอยู่บนดินแดนแว่นแคว้นยุโรปทวีปจริงๆ เหลียวซ้ายแลขวาเห็นถนนกว้างค่อนข้างโล่ง รอบกำแพงสนามด้านที่เธอเดินอยู่นี้คนไม่มาก นานๆ ทีจะมีเดินสวนมาสองสามคน น่าจะเพราะเป็นวันอาทิตย์ที่ผู้คนไปโบสถ์กัน
เอวากอดอกห่อไหล่ด้วยรู้สึกหนาว แม้เช็กพยากรณ์อากาศวันนี้มา แล้วอุณหภูมิสิบเก้าองศา เธอคิดว่าเสื้อไหมพรมที่สวมทับเสื้อยืดจะอุ่นพอ แต่คงเป็นเพราะมาจากเมืองร้อนระดับร้อนตับแลบอย่างประเทศไทย พอเจออากาศต้นฤดูหนาวของที่นี่เข้าเลยไม่ชิน
เธอชะเง้อคอมองลอดประตูรั้วที่เป็นซี่คล้ายกรงใหญ่ๆ เห็นสนามหญ้ากว้างเขียวขจีภายใน ไม่น่าเชื่อว่าพรุ่งนี้แล้วใครบางคนที่เธอเฝ้าฝันถึงจะต้องวิ่งเตะฟุตบอลอยู่ในนั้น และภายในอัฒจันทร์แห่งนี้ก็จะคลาคล่ำไปด้วยฝูงชนมหาศาล
ระหว่างนั้นเอวาพยายามกวาดตามองหาเพื่อน แต่ก็ไม่เห็นแม้เงาสักนิด เนื่องจากเธอไม่ใช่นักข่าวหลักที่จะมาทำข่าวการเตะของทีม Axl ในครั้งนี้และมาอย่างฉุกละหุกจึงไม่มีชื่ออย่างข้าวใหม่ที่ทำเรื่องมาก่อนตามเวลา เพื่อนเลยต้องเข้าไปติดต่อทำบัตรเข้าสนามให้ ไม่รู้ว่าจะเรียบร้อยดีไหม หวังว่าจะไม่มีปัญหาใดๆ เลย สาธุ!
แล้วเอวาก็ต้องห่อไหล่อีกครั้งพลางขยับเท้าไปมา เป่าลมใส่มืออันเปลือยเปล่าเพราะไม่ได้เตรียมถุงมือมา ให้ตายเถอะ เวลาลมพัดพรูมานี่ตัวเธอสั่นสะท้านไปถึงเครื่องในเลย
จู่ๆ เสียงใครบางคนเรียกด้วยภาษาแปลกๆ ดังขึ้นใกล้ๆ
“Buongiorno ”
เสียงกระดกลิ้น ร.เรือ ชัดอย่างคนเจ้าของภาษา เธอเห็นชายตัวสูงร่างออกท้วมไม่รู้เพราะใส่เสื้อหนาวหลายชั้นด้วยหรือเปล่า แต่เขาตรงรี่เข้ามาหาเธอแน่นอน พร้อมกับในมือมีเสื้อสเวตเตอร์สีม่วงสดใสยื่นให้เธอ
ชายคนนั้นเอาแต่พูดภาษาอิตาลีรัวๆ หารู้ไม่ว่าเอวาฟังไม่ออกเลยสักคำ ที่สำคัญเขาเพียรยื่นเสื้อหนาวในมือให้ตลอด หญิงสาวเริ่มหวาดหวั่น เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องขโมย หลอกลวง วิ่งราว แล้วนี่อะไร จะหลอกให้เธอเอาเสื้อแล้วยัดยาบ้าไว้หรือเปล่า แต่ เอ๊ะ เธอสังเกตตั้งแต่สีเสื้อแล้ว มันคือสีประจำทีม Axl ตราตรงอกเสื้อก็ใช่
“ขอดูเต็มๆ หน่อย” เอวาพูดภาษาอังกฤษกับทำมือไม้ประกอบไปด้วยให้เขากางเสื้อ เพราะดูท่าแล้วอีกฝ่ายคงฟังไม่รู้เรื่องแน่ ภาษามือใช้ได้สากลดีนัก ชายคนนั้นกางเสื้อพลางพลิกหน้าพลิกหลังให้ดูเป็นพัลวันอย่างคนอยากขายเนื้อตัวสั่น
“เสื้อของอาเลสจริงๆ ด้วย!” เธออุทาน ตาเบิกโต ด้านหลังปักชื่อ อเลสซานโดรตัวเบ้อเริ่ม กับเบอร์ประจำตัวของเขาเป็นเลขเก้าตัวอารบิก ช่างน่าหลงใหลเสียเหลือเกิน เอวาเผลอยื่นมือไปลูบๆ คลำๆ ตัวอักษรเหล่านั้นที่เรียงกันเป็นชื่อของเขาอย่างเคลิบเคลิ้ม แล้วสัมผัสเนื้อผ้านุ่มหนา ขณะที่ยังงงๆ ว่านี่คือหลอกขายหรือขายจริง ชายคนนั้นก็ยัดเสื้อใส่มือเธอจนได้
“เอ่อ เท่าไร ตัวเท่าไรคะ” เธอรีบถาม เพราะชายคนนั้นทำท่าจะผละไปทันทีที่ส่งเสื้อให้เธอได้ ประหนึ่งว่าปฏิบัติภารกิจสำคัญเสร็จสิ้นแล้ว แต่เอวาไม่รับของใครฟรีแน่จึงรีบก้าวตาม
เธอควักธนบัตรที่มีอยู่ส่งๆ ให้เขา เพราะนายคนนั้นเอาแต่เดินหนีท่าเดียว สุดท้ายก็ยอมรับไปเมื่อเธอยื่นใส่มือเขา ที่น่าแปลกใจหนักกว่านั้นคือชายขายเสื้อได้เงินไปก็ออกวิ่งทันที ยังกับกลัวว่าเธอจะนึกเปลี่ยนใจแล้วขอเงินคืนอย่างไรอย่างนั้น เธอมองตามด้วยความงุนงงจนเห็นเขาเปิดประตูรถ...แล้วหายลับไปเมื่อรถเลี้ยวพ้นสี่แยกหัวมุมถนนพอดี
“เอ! ไปยืนทำอะไรตรงนั้น ไม่รู้จักอยู่เป็นที่เป็นทาง นึกว่าต้องไปประกาศหาคนหายแล้ว”
เสียงเพื่อนบ่นกระปอดกระแปดทำให้เอวาสะดุ้ง รีบหันไปมอง