ทดลองอ่าน ปลายปากกาอินเลิฟ 2 เรื่อง ใต้ร่มแมกโนเลีย : ตอนที่ 4

 

 

ตอนที่ 4

 

 

บ่ายสองโมงกว่าแมกโนเลียกลับมาถึงบ้าน หล่อนผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดกระโปรงแขนกุดลายดอกไม้เล็กๆ เบาสบาย คว้าเสื้อแจ็กเก็ตยีนตัวเก่งมาคล้องแขน บางครั้งฝนตกอากาศอาจจะหนาวขึ้นมาได้ หล่อนเดินนำเจ้าคริสตัลกลับมาที่ร้านหนังสือ เปิดประตูหน้าร้าน พลิกป้ายจากปิดเป็นเปิดไว้ก่อนจะเริ่มเก็บกวาดร้านอย่างที่เคยทำเป็นประจำ เสร็จเรียบร้อยหล่อนก็เดินไปตั้งกาต้มชาแล้วเดินไปที่ชั้นหนังสือนิยายรักเล่มโปรด กรีดนิ้วไล่เรียงไปตามตัวอักษรอย่างอ้อยอิ่งแล้วก็มาหยุดลงที่หนังสือรักโรแมนติกสุดซึ้ง ‘A Walk to Remember’ ของเจ้าพ่อนิยายรัก ‘Nicholas Sparks’ หล่อนชงชากุหลาบหอมกรุ่นแก้วใหญ่ เดินไปนั่งที่โซฟาริมหน้าต่าง ก่อนจะเริ่มเปิดหน้าแรกของหนังสือแล้วปล่อยให้เวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้าละเมียดละไม

“Halfway down the aisle, Jamie suddenly seemed to tire, and they stopped while she caught her breath...It was, I remembered thinking, the most difficult walk anyone ever had to make. In every way, a walk to remember.”

กรุ๊งกริ๊งๆๆ

เสียงใสกังวานดังขึ้นที่ประตูร้านพร้อมๆ กับที่บานประตูถูกผลักเปิดออก แสงแดดยามบ่ายแก่ๆ ส่องมาทางเบื้องหลังร่างสูงที่เปิดประตูเข้ามาทำให้เกิดเงาสีดำทะมึนทาบทับบนพื้น แวบหนึ่งแมกโนเลียนึกถึง ‘คุณพ่อขายาว’ ขึ้นมา หล่อนขยับตัวหย่อนขาลงบนพื้นควานหารองเท้าใส่อยู่บ้าน ปัดผมเผ้าและหน้าตาให้เรียบร้อยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” หล่อนร้องทัก น้ำเสียงอู้อี้ราวกับคนเป็นหวัด เดาได้เลยว่าตาหล่อนคงแดงช้ำ ผลจากการร่ำไห้กับบทสุดท้ายในหน้าหนังสือที่หล่อนอ่านมากว่าสิบรอบแล้วแต่ก็ยังไม่วายบ่อน้ำตาแตกเช่นเคย

“สวัสดีครับ” เสียงแหบห้าวกังวานก้อง คริสตัลขยับลุกขึ้น ดูเหมือนขนคอของมันจะลุกชัน

เมี้ยว!

เสียงของมันทำให้ขายาวๆ ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่จะก้าวเข้ามาหาใกล้ๆ เมื่อแสงสว่างในห้องเอาชนะเงามืดได้หล่อนก็เห็นหน้า ‘ลูกค้า’ ได้ถนัดตา

“คุณ?!”

“ใช่ ผมเอง” แม็กซ์รับคำง่ายๆ สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงซึ่งเป็นกางเกงออกกำลังกายขายาวเนื้อนุ่มสีเทาเข้ม เสื้อที่ใส่เป็นเสื้อกล้ามแนบเนื้อจงใจอวดซิกซ์แพ็กส์ ผมเผ้าเสยไว้ลวกๆ ใบหน้าคมเข้มยังมีเม็ดเหงื่อผุดพราว ดูเหมือนเขากำลังหอบน้อยๆ ราวกับว่าเพิ่งโดดลงมาจากเครื่องออกกำลังกายแล้วมาโผล่กลางร้านหนังสือของหล่อน แมกโนเลียจ้องมองดูเขาราวกับเป็นตัวประหลาด ดวงตากลมโตสีอำพันเบิกกว้าง อ้าปากเล็กน้อยราวกับจะพูดอะไรออกมาแต่ยังนึกไม่ออก

“ผมเพิ่งออกกำลังกายเสร็จ มีเวลาอีกนิดหน่อยเลยว่าจะมาจัดการธุระกับคุณให้เรียบร้อย” เขาอธิบายพลางหันซ้ายแลขวามองหาที่นั่ง หล่อนจึงเดินนำไปที่โซฟาชุดเก่าสำหรับลูกค้า ซึ่งอยู่ริมหน้าต่าง

“เชิญค่ะ”

เขานั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็ก สองขาแยกออกตั้งฉากกับพื้น วางมือใหญ่บนโต๊ะพร้อมสิ่งที่อยู่ในมือ เขาเลื่อนมันมาตรงหน้าหล่อน

“อะไรคะ”

“เช็คเงินสด” เขาเอ่ยเสียงต่ำ จ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่เบิกกว้างมากขึ้นไปอีกของอีกฝ่าย ดูเหมือนหล่อนเพิ่งผ่านการร้องไห้มาสดๆ ร้อนๆ ขนตางอนยาวยังเปียกชื้น

หึ! ช่างเป็นสาวน้อยหลากอารมณ์เสียจริง ดวงตาโตคู่นั้นเขาเห็นว่ามันเป็นสีน้ำตาลที่เปลี่ยนเฉดไปได้ทุกอารมณ์ ซึ่งแปลกมากสำหรับสาวเอเชีย 

“ดูตัวเลขเสียก่อนว่าคุณพอใจไหม ผมทุ่มเต็มที่”

“สำหรับอะไรคะ” หล่อนมองตัวเลขนั้นแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาเขา

“ร้านนี้ พร้อมที่ดิน คุณจะเก็บบ้านด้านหลังไว้ก็ได้ ผมไม่หักราคา ถ้าไม่กลัวไม่เป็นส่วนตัว ลูกค้าผมไม่ใช่น้อยๆ คุณก็รู้”

เขาคงเป็นผู้ชายประเภทที่พูดไปยกหางตัวเองไปด้วยสินะ

“เอาเป็นว่า ผมจะกั้นรั้วให้ด้วยเพื่อความเป็นส่วนตัวก็แล้วกัน” น้ำเสียงเขาออกจะหงุดหงิดนิดหน่อยเมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของหล่อน เขาไม่เคยต้องถอยให้ใครมากขนาดนี้มาก่อน

“ใครบอกว่าฉันจะขายให้คุณ” เสียงหวานๆ กลับตวัดแหลมสูงขึ้นด้วยอารมณ์ ดวงตาวาววาม

“นี่คุณมอริส” แม็กซ์ทำเสียงเข้ม ดวงตาแข็งกร้าว “ผมไม่ชอบเล่นเกมให้เสียเวลา เงินขนาดนี้คุณจะซื้อร้านแบบนี้หรือเริ่มกิจการอะไรก็ได้ที่ให้ ผลกำไรได้อีกหลายสิบเท่า หากไม่ใช่เพราะทำเล ผมคงไม่ตามตื้อคุณแบบนี้”

เขาเอนหลังพิงโซฟาเก่าแก่ของหล่อนแล้วหรี่ตามองมาด้วยท่าทีโอหังที่แมกโนเลียคิดว่ามีแต่ตัวร้ายในหนังสือนิยายเท่านั้นที่จะทำได้ ท่าทางยโสอันฉายชัดนั่น ผู้ชายคนนี้กลับทำได้น่าเกลียดเสียยิ่งกว่า!

“ฉันไม่ขายค่ะ”

“คุณมอริส!” เขาผุดลุกขึ้นสองมือค้ำโต๊ะ ยื่นใบหน้าหล่อเหลาข้ามโต๊ะมาจับจ้องหล่อน แมกโนเลียผงะ หัวใจเต้นระรัว

“มีเหตุผลอะไร”

“เหตุผลก็คือฉันไม่ต้องการให้คนอย่างคุณเป็นเจ้าของร้านหนังสือมอริสน่ะสิ” คำตอบของหล่อนทำให้ดวงตาสีน้ำทะเลลึกของเขาวาววับ น้ำเสียงที่โต้ตอบ เย็นชา เนิบนาบ

“ผมไม่ได้ต้องการครอบครองร้านหนังสือของคุณ ผมแค่ต้องการที่ดินผืนนี้”

“นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้ค่ะ เพราะร้านหนังสือมอริสมีความสำคัญกับฉันมาก”

“ร้านหนังสือที่กำลังจะเจ๊ง ไม่มีคนเข้า อนาคตหม่นมัวพอกันกับอนาคตของคุณล่ะมั้ง จะรอให้ธนาคารมายึดไปหรือไง”

“มันเรื่องของฉันค่ะ!”

“อ้อ คงคิดว่ามีเจ้าตำรวจแก่บราวน์คอยช่วยเหลือสินะ ฉลาดดีนี่ เข้าใจเกาะคนแก่”

“คุณมันจิตใจสกปรก” คำพูดร้ายกาจนั้นแมกโนเลียไม่เคยคิดว่าจะต้องใช้กับใครมาก่อน แต่กับเขาคนนี้มันหลั่งไหลออกมาเองอย่างไม่ต้องคิด

“แผนสูงนะ แต่คิดหรือว่าลูกหลานละโมบของตาแก่นั่นจะยอมให้เอาเงินมาประเคนสาวๆ รุ่นหลานอย่างคุณน่ะ”

“อย่าพูดพล่อยๆ นะ ฉันไม่เคยเอาเงินลุงเจมส์”

“ฟรีรึ”

เพียะ!

“ปากสกปรก ออกไปจากร้านฉันเดียวนี้นะแมคมาฮาน ไอ้คนทุเรศ หลงตัวเอง! โอ๊ย!” มือแกร่งคว้าหมับเข้าที่ข้อมือหล่อนพร้อมบีบแน่น เจ็บจนแมกโนเลียน้ำตาคลอ

“กล้าลงมือกับฉันเหรอสาวน้อย เธอรู้จักฉันน้อยเกินไปเสียแล้ว”

“นายก็ดูถูกฉันมากเกินไปแล้ว” แม้แรงจะสู้ไม่ไหว แต่แม่สาวน้อยก็ยังไม่ยอมแพ้ ขู่ฟ่ออย่างกับแมว

“หึ” เสียงหัวเราะต่ำในลำคอและลมหายใจร้อนของร่างที่เบียดเข้ามาทำให้แมกโนเลียผวาหนี “ไม่มีใครสอนเธอสินะว่าห้ามลงไม้ลงมือกับผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ชายอย่างฉัน” ปากก็พูดไป มือก็ล้วงลูบเข้าไปใต้ชายเสื้อของหล่อนอย่างจาบจ้วง แมกโนเลียหดตัวหนีแต่ยังไม่พ้น

“กรี๊ด! ปล่อยนะ ไอ้...” คำพูดที่พรั่งพรูออกมาจากสมองปลิวหายไปในอากาศเมื่อเขาดันหล่อนชิดผนังห้อง และเพราะหล่อนดิ้นร่างจึงกระแทกกับชั้นหนังสือจนสั่นสะเทือน หนังสือบนชั้นบนสุดร่วงกราวกระจัดกระจาย

แง้ว!

เสียงเจ้าคริสตัลร้องลั่นกระโจนหนี แมกโนเลียถูกร่างแกร่งทาบทับบดเบียด หล่อนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มือเขาแทรกเรือนผมนุ่มสลวยช้อนท้ายทอยบังคับให้แหงนเงย อีกมือรัดเอวบางคอดกิ่ว ก่อนจะประกบริมฝีปากหนานุ่มลงมาบนปากที่กำลังร้องห้ามได้พอดิบพอดี เขารวบจูบกลีบปากอิ่มล่างบนพร้อมกัน ดูดดึงแรงจงใจให้หล่อนเจ็บกึ่งซาบซ่าน ก่อนจะตวัดปลายลิ้นฉกเข้าไปในโพรงปากอุ่นหวานฉ่ำ ดูดดึงด้วยริมฝีปากและรุกไล่ลิ้นเล็กๆ อ่อนนุ่มด้วยปลายลิ้นหนานุ่มของตนเอง

มือเล็กที่ดันอกกว้างอ่อนแรงร่วงผล็อย เขาลืมตาขึ้นมองใบหน้าหวานละมุน ไล้ปลายนิ้วบนแก้มเนียนนุ่ม เลื่อนมืออีกข้างขึ้นมาทาบทับอกอิ่ม ปัดปลายนิ้วลากไล้ผ่าน

“ฮะ...ฮึก” แมกโนเลียสะดุ้งเฮือก หดตัวหนี หัวใจโลดเต้นระรัว เขาเบียดหน้าขาเข้ามาประชิด ล็อกขาสองข้างของหล่อนไว้ มือหนึ่งละจากท้ายทอยของหล่อนไปเกาะกุมสะโพกงอนงามยกให้หล่อนนั่งบนพนักโซฟาพิงกรอบหน้าต่าง

เพียะ!

แมกโนเลียฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าที่กำลังก้มลงมาหาหล่อนอีกครั้งด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ ดวงตาสีเข้มของเขาวาววับ ซุกใบหน้าที่แดงเถือกไปฝั่งหนึ่งลงบนซอกคอขาวเนียนนุ่ม จมูกสูดดมกลิ่นหอม ปากจูบซุกไซ้ ปลายลิ้นไล่เลียจนหล่อนรู้สึกขนลุกซู่ และเมื่อฟันคมขาววับ งับเข้าที่ซอกคอนุ่มยั่วน้ำลาย หล่อนก็สะดุ้งเฮือกอ่อนเปลี้ย พ่ายแพ้ น้ำตาอุ่นๆ ไหลพรากอย่างคนหมดทางช่วยเหลือตนเอง ปลายจมูกคมซุกไซ้ ริมฝีปากไต่และลิ้มชิมรสผิวผ่อง เสียงลมหายใจหอบแรงของเขาแทบจะกลบเสียงสะอื้นฮักของหล่อนได้หมด

ร้องไห้เหรอ เอะอะก็ร้องไห้เหมือนเมื่อตอนยังเด็กไม่มีผิด 

แม็กซ์ผละออกจากลิ่นหอมยั่วยวนและรสชาติหวานหอมด้วยความหงุดหงิดใจ เขาจับจ้องดวงตาแดงๆ คู่นั้น หล่อนเงื้อมือแต่เขารวบไว้ทัน

ไม่มีครั้งที่สามแน่!

“ตบตีผู้ชายแบบนี้ อยากโดนจับกดหรือไง หา!”

“ฉัน...ผิดเหรอ นายต่างหากที่บังอาจ”

“เธอจงใจยั่วฉัน เธอแตะต้องตัวฉันก่อน” เขาบดฟันพูด “ลงมือกับคนอื่นแล้ว พอสู้ไม่ได้ก็มาร้องไห้ ลูกไม้ตื้นๆ ของสาวเอเชียหรือไง”

“ไอ้...ไอ้คนหลงตัวเอง ออกไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจมาจับแก”

“โทร.เลยสิ ฉันก็อยากเจอเจ้าตำรวจแก่นั่นเหมือนกัน อยากฟังเธอให้การว่าบทประโคมของเรามันร้อนแรงขนาดไหน หวังว่าเจ้านั่นคงไม่หัวใจวายตายไปเสียก่อน”

“อย่ามาลามปามลุงของฉันนะ”

“เล่นบทคุณลุงผู้แสนดีอย่างนั้นเหรอ นี่ ระวังหมาป่าใกล้ตัวเอาไว้หน่อยก็แล้วกันสาวน้อย”

“ออกไป เดี๋ยวนี้นะ! คนเลว” เสียงร้องด่ายาวเหยียดปะปนกับเสียงสะอื้นจนตัวโยน แม็กซ์ยักไหล่ผละออกมา ร้องไห้ไปด่าไปแบบนี้ไม่นานคงเป็นลมเป็นแล้งไป ลำบากเขาเปล่าๆ

แมกโนเลียจับพนักโซฟาไว้ด้วยมือสั่นระริก เอื้อมมือไปหยิบเช็คใบนั้นขึ้นมาฉีกเสียงดังแควกบาดเข้าไปในหูของคนที่กำลังจะก้าวออกจากร้าน เขาหันมามองร่างสั่นเทา ผมเผ้ายุ่งเหยิงของอีกฝ่ายอย่างคาดโทษ หยิบหนังสือเก่าๆ ที่หล่นอยู่มาหนึ่งเล่ม ควักแบงก์ร้อยเหรียญออกมาวางไว้ที่ชั้นหนังสือ

“ขอบคุณสำหรับบริการนะครับ หนังสือสนุกมากจนต้องเอากลับไปอ่านต่อที่บ้าน” เขาเอ่ยยียวนก่อนจะเดินไปพลิกป้ายเปลี่ยนเป็นปิดให้หล่อนอย่างถือวิสาสะ แล้วเปิดประตูเดินออกไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไปลงนรกเสียเถอะไป๊ แม็กซ์ แมคมาฮาน เจ้าพ่อหน้าเลือด ลามก!

 

 

** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com