ทดลองอ่าน ปลายปากกาอินเลิฟ 2 เรื่อง ในวันที่รักมาทักทายใจ : ตอนที่ 8

 

 

ตอนที่ 8

 

 

สายๆ ของวันรุ่งขึ้น ลลีนาก็นำพานาคอตต้าสตรอว์เบอร์รีมาให้เกวลินที่ร้าน แล้วก็อยู่ช่วยเกวลินดูแลร้านอีกแรงเพราะวันนี้เป็นวันหยุด ลูกค้าทยอยเข้าร้านตลอด จนกระทั่งช่วงบ่ายเมื่อลูกค้าเริ่มซาลง กระดิ่งที่แขวนไว้ที่ประตูส่งเสียงดังกรุ๋งกริ๋ง พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าภีมเดินเข้ามาในร้าน ด้วยความสูงร้อยแปดสิบกว่าเซนติเมตรของเขาทำให้ศีรษะเกือบจะถึงกรอบประตูกระจกของร้านเลยทีเดียว วันนี้เขาสวมเสื้อยืดสีน้ำเงินพอดีตัวกับกางเกงยีนสีเข้ม มองแวบเดียวก็รู้ว่าเขาเป็นชายหนุ่มที่ชอบออกกำลังกาย เพราะกล้ามแขนที่โผล่พ้นเสื้อยืดออกมานั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดี

“ดีจังครับที่วันนี้คุณนุ่นอยู่ที่ร้าน” เขาเอ่ยพร้อมเปิดรอยยิ้มกว้างขณะเดินตรงมาหาเธอ

“มีอะไรจะให้ช่วยหรือคะ”

“อ๋อ เปล่าหรอกครับ พอดีทีมงานฝากซองค่าถ่ายรายการวันก่อนมาให้คุณนุ่น” เขายื่นซองนั้นให้เธอ

“ไม่ต้องให้ค่าจ้างอะไรหรอกค่ะ ไม่ใช่งานที่หนักอะไรเลย แถมฉันก็อาจจะทำหน้าที่ไม่ค่อยดีด้วยซ้ำ”

“ไม่ได้ครับ ทางฝ่ายบัญชีเขาจัดการมาแล้วยังไงก็ต้องรับไว้นะครับ” ภีมยังคงยื่นซองค้างไว้อย่างนั้น ลลีนาเลยจำต้องรับเอาไว้

“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ให้ฉันเลี้ยงเครื่องดื่มกับขนมนะคะ ห้ามปฏิเสธด้วยค่ะ” ลลีนาทำเสียงเข้มมัดมือชกเขาบ้าง ก่อนจะเดินนำพาไปนั่งที่โต๊ะติดหน้าต่างที่เดิมที่เคยพาเขามานั่ง

ภีมเดินตามเธอมายิ้มๆ เหมือนจะยินดีและเต็มใจให้ถูกมัดมือชก แล้วลลีนาก็กลับมาที่เคาน์เตอร์ชงเครื่องดื่มซึ่งมีเกวลินคอยส่งยิ้มล้อเลียนอยู่แต่ไม่ได้พูดอะไร ท่าทางแบบนั้นลลีนารู้ดีว่าหากภีมลุกออกจากร้านไปเมื่อไหร่ละก็ เกวลินต้องรับบทเป็นแม่ช่างซัก เข้ามาซักไซ้ถามเธออย่างละเอียดยิบแน่นอน

เมื่อนำกาแฟและพานาคอตต้าสตรอว์เบอร์รีมาเสิร์ฟเขาแล้ว ภีมก็ดื่มกาแฟและกินขนมด้วยท่าทางที่คนทำอย่างเธออดปลื้มไม่ได้ แถมเขายังมีคำชมตามมาเป็นระยะๆ อีกด้วย

“ขนมนี่อร่อยจังครับ คุณนุ่นมีฝีมือมาก”

“คุณชมจนฉันจะลอยอยู่แล้วค่ะ” ลลีนาพูดอย่างเขินๆ ภีมหัวเราะออกมาเบาๆ

“คนทำทำอร่อย คนกินก็ต้องชมสิครับ อ้อ ผมมีอีกอย่างจะให้คุณนุ่นด้วย” เขากระตือรือร้นหยิบอะไรบางอย่างออกมาให้เธอ “บัตรเข้าชมคอนเสิร์ต Thailand The Idol รอบสุดท้ายครับ”

คราวนี้ลลีนาตาลุกวาวทีเดียว ปกปิดอาการดีใจไว้ไม่มิด โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าบัตรนั้นมีสองใบ!

“สำหรับน้องคนนั้นอีกคนนะครับ เพราะเห็นปกติไปดูกันสองคนตลอดเลยนี่ครับ”

“ขอบคุณมากเลยนะคะคุณภีม คุณใจดีจังเลยให้บัตรมาเผื่อน้องสรด้วย” ลลีนาไม่รู้จะขอบคุณเขายังไงดี กับความใจดีมีน้ำใจของเขาและความใส่ใจคนรอบข้างที่เขามีให้เธอด้วย

“ถือเป็นคำขอบคุณจากผมที่คุณนุ่นไปช่วยถ่ายรายการให้วันนั้นครับ” เขายิ้มกว้างมาให้อีกครั้ง และยังเป็นรอยยิ้มที่ทำให้บรรยากาศรอบข้างดูอบอุ่นสว่างไสวเหมือนทุกครั้ง เป็นรอยยิ้มที่ลลีนาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเวลาเห็นแล้วรู้สึกดีแค่ไหน

วันนั้นกว่าภีมจะขอตัวกลับ เขานั่งอยู่ที่ร้านพักใหญ่ทีเดียว ดีว่าเป็นจังหวะที่ร้านปลอดลูกค้า ลลีนาเลยมีเวลานั่งคุยกับเขา ซึ่งภีมก็สามารถชวนเธอคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ได้แทบจะตลอดโดยไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดหรือลำบากใจแต่อย่างใด เป็นอีกครั้งที่ตอกย้ำว่าภีมเป็นผู้ชายที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่เกร็งหรือต้องกังวลในเรื่องใดๆ ทั้งนั้น

และเมื่อภีมออกจากร้านไปแล้วเกวลินก็เข้ามาแซวทันที

“คุณภีมเขาน่ารักเนอะ ดูสิ รู้ว่านุ่นชอบไปดูคอนเสิร์ต Thailand The Idol ก็ยังอุตส่าห์หาบัตรมาให้ตั้งสองใบ แถมยังเป็นธุระเอาเงินค่าจ้างมาให้อีก เขาลงทุนทำขนาดนี้แล้ว ถ้ายังจะปากแข็งบอกว่าเขาไม่สนใจนุ่นอีก ไม่ได้แล้วนะจ๊ะ เพราะถ้าคนไม่สนใจกันไม่ใส่ใจขนาดนี้หรอก”

“คุณภีมเขาอาจจะผ่านมาแถวนี้อยู่แล้วก็เลยอาสาทีมงานเอามาให้ก็ได้ค่ะ อีกอย่างเขาก็เป็นผู้ช่วยโปรดิวเซอร์รายการด้วย ก็คงจะรับเป็นธุระเสียเอง ทีมงานจะได้ไม่ต้องลำบาก”

“จ้า แม่คนหาข้ออ้างเก่ง” พี่สะใภ้ลากเสียงยาวแซว เพราะเหตุผลที่อีกฝ่ายอ้างมา ยังไงก็ฟังไม่ขึ้นสักนิด

ลลีนาเองก็จนใจที่จะสรรหาคำมาพูดบอกให้เกวลินเชื่อเหมือนกัน เพราะสำหรับเธอแล้วไม่คิดว่าภีมจะมาสนใจอะไรเธอเป็นพิเศษจริงๆ ผู้ชายที่อยู่กลางแสงไฟ อยู่ในวงการมายาอย่างเขาเนี่ยนะจะมาสนใจคนธรรมดาๆ แถมเธอยังเป็นพวกแฟนคลับตามคลั่งไคล้ดารานักร้องอีก

แม้เธอจะตามกรี๊ดตามชื่นชมกลทีป์ แต่เธอก็รู้ตัวดีว่ามันคือความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของคนเป็นแฟนคลับเท่านั้นละ เพราะถ้าถามว่าตามชื่นชมแล้วคิดอยากให้ศิลปินคนนั้นหันกลับมามองหรือใส่ใจกันเป็นพิเศษไหม เธอตอบได้เลยทันทีว่าไม่เคยคิด เพราะแค่พาตัวเองไปอยู่รวมกับแฟนคลับทุกๆ คน ไปให้เขาเห็นว่ามีคนรักเขามากแค่ไหน เพียงเท่านั้นลลีนาก็มีความสุขแล้ว ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นเลยสักนิด

ลลีนาบอกตัวเองอย่างนั้น แต่พอตกกลางคืนใบหน้าของภีมตอนยิ้มดีใจที่ได้เจอเธอ และตอนที่เขามีท่าทีสนอกสนใจขนมที่เธอทำ กลับลอยวนเวียนอยู่ในหัวไม่ยอมจางหายไปไหน จนหญิงสาวต้องหยิบมือถือมาเปิดดูคลิปไปเรื่อย ล้วนเป็นโชว์ของกลทีป์ในแต่ละสัปดาห์ที่ผ่านมา พอดูจบก็อดไม่ได้ที่จะโทร.ไปเมาท์มอยกับนภสร และบอกให้รู้เรื่องที่เธอได้บัตรเข้าชมคอนเสิร์ตการแข่งขันรอบสุดท้ายมาแล้ว เพื่อนสาวต่างวัยถึงกับร้องกรี๊ดดีใจออกมาจนเธอต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างหู แต่กระนั้นก็ไม่ได้นึกรำคาญหรอก เพราะเธอเองก็ดีใจไม่ต่างจากนภสรเหมือนกัน!

----------

คอนเสิร์ตการแข่งขันรอบสุดท้ายของ Thailand The Idol ถูกจัดขึ้นที่ฮอลล์ของห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางกรุงเทพฯ เพื่อความสะดวกในการเดินทาง และมีศิลปินดาราในวงการได้รับเชิญมาร่วมงานมากมาย หน้างานจึงคลาคล่ำไปด้วยเหล่าบรรดาแฟนคลับทั้งของศิลปินและผู้เข้าแข่งขันที่ต่างแต่งตัวแต่งหน้ากันมาจัดเต็ม ยังไม่นับรวมป้ายไฟที่ตระเตรียมกันมาอย่างดีด้วย

ลลีนากับนภสรมาถึงงานเร็วเหมือนเช่นเคย ยืนมองดูเหล่ากองเชียร์และศิลปินกำลังขอถ่ายรูปกันบ้าง เล่นเกมหน้างานและให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างๆ รวมถึงให้สัมภาษณ์กับทีมงานของช่อง ๓๗ ซึ่งภีมเป็นพิธีกรหลักและยังมีพิธีกรผู้ช่วยเป็นผู้หญิงอีกคนที่จะคอยเดินไปสัมภาษณ์แฟนคลับกลุ่มต่างๆ แน่นอนว่ากลุ่มที่นัดแต่งตัวเหมือนๆ กัน มีป้ายไฟและอุปกรณ์เชียร์พร้อมพรักก็จะถูกสัมภาษณ์เป็นพิเศษ กลุ่มอื่นๆ ก็ส่งเสียงเชียร์กรี๊ดกร๊าดอยากถูกสัมภาษณ์บ้าง บรรยากาศหน้างานจึงมีแต่ความครึกครื้นสนุกสนาน

แล้วในตอนที่กำลังยืนดูแฟนคลับกลุ่มใหญ่ของกลทีป์ถูกสัมภาษณ์อยู่นั้นเอง ภีมสัมภาษณ์เสร็จจู่ๆ เขาก็เดินตรงมาหาลลีนาและนภสร แสงไฟจากทีมงานทำให้พื้นที่ตรงที่เธอยืนสว่างขึ้นมาทันที กลายเป็นจุดสนใจของแฟนคลับกลุ่มอื่นๆ ไปแบบเลี่ยงไม่ได้

ลลีนาใจเต้นรัวเพราะไม่เคยคิดว่าจะเป็นจุดสนใจของใคร แม้ครั้งนี้ภีมจะส่งยิ้มมาให้เหมือนเคยแต่เธอกลับรู้สึกอึดอัด เกร็งไปหมด เพราะไม่ใช่เขาเพียงคนเดียว แต่ยังมีตากล้องและทีมไฟเดินตามมาด้วย และเมื่อภีมเอ่ยถามพร้อมกับยื่นไมค์มาตรงหน้าเธอ ลลีนาก็เหมือนจะติดอ่างกะทันหัน พูดอะไรไม่ออก

“สวัสดีครับ วันนี้มาเชียร์ใครครับ”

 

 

** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com