ทดลองอ่าน ปลายปากกาอินเลิฟ 2 เรื่อง ในวันที่รักมาทักทายใจ : ตอนที่ 3

 

 

ตอนที่ 3

 

 

ทว่าสองอาหลานไม่ได้กลับบ้านทันทีอย่างใจต้องการ เพราะรถคันเก่งแต่เก่าของลลีนาเกิดเกเรขึ้นมาเสียอย่างนั้น หลังจากลองสตาร์ตอยู่หลายครั้งมันก็ยังไม่ยอมติด สุดท้ายเลยได้แต่ออกมายืนกันอยู่ข้างรถทั้งอาหลาน ในระหว่างที่กำลังหาเบอร์อู่ซ่อมรถใกล้ๆ หญิงสาวก็ได้ยินเสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง

“รถมีปัญหาเหรอครับ”

ลลีนาจำได้ว่าเป็นเสียงของภีมนั่นเอง เขาเอ่ยถามขณะที่เดินเข้ามาหา

“ค่ะ มันเก่าแล้วก็เลยออกอาการเกเรน่ะค่ะ เดี๋ยวคงต้องเรียกช่างจากอู่แถวๆ นี้มาลากเอาไปซ่อม”

“ผมมีเบอร์อู่ที่อยู่ใกล้ๆ สถานีครับ รู้จักกับเจ้าของดี เขาบริการดีแล้วก็ซื่อสัตย์ด้วยไม่ย้อมแมวแน่นอน เดี๋ยวผมจัดการให้นะครับ คุณนุ่นแค่ฝากกุญแจรถไว้กับยามที่นี่ก็พอ ที่เหลือทางอู่จัดการให้หมดครับ” เขาเสนอ ลลีนาถึงกับโล่งใจเป็นที่สุดที่ไม่ต้องงมหาอู่เอง เพราะกลัวถ้าเจอเจ้าที่ไม่ดีเข้าได้มีปัญหาอื่นตามมาอีกแน่

“ขอบคุณมากเลยนะคะคุณภีม ปกติเวลามีปัญหาทีไรก็พึ่งอู่ที่รู้จักแถวบ้านตลอดน่ะค่ะ”

“อู่นี้ไว้ใจได้แน่นอนครับ เดี๋ยวผมโทร.ให้เลย” เขาบอกแล้วก็กดโทรศัพท์จัดการให้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะวางสายแล้วขอกุญแจรถเธอเอาไปฝากไว้ที่ป้อมยามให้ จากนั้นก็เดินกลับมาหาแล้วเอ่ยถาม “แล้วนี่จะกลับกันยังไงครับเนี่ย”

“ก็คงต้องเรียกแท็กซี่ค่ะ ขอบคุณนะคะที่จัดการเรื่องรถให้”

“ไม่เป็นไรเลยครับ อืม...งั้นไปรถผมดีกว่าไหม จะได้ไม่ต้องออกไปยืนรอรถที่ริมถนนกัน ไปครับ” เขาเสนออย่างกระตือรือร้น หากลลีนารู้สึกเกรงใจไม่อยากรบกวนเขามากไปกว่านี้แล้ว ทั้งที่เพิ่งจะคุยกันเป็นครั้งแรกแท้ๆ แต่ภีมก็ยังมีน้ำใจช่วยเหลือเธออย่างเต็มที่จริงๆ

“กลับกับพี่ภีมก็ดีนะคะอานุ่น เราจะได้เลี้ยงกาแฟขอบคุณพี่ภีมไงคะ” ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรกุ้งแก้วหลานสาวตัวน้อยก็เอ่ยมาแบบนั้น คำพูดคำจาอย่างผู้ใหญ่เสียด้วย ลลีนาจึงลังเลอยู่ครู่ก่อนจะยอมพยักหน้าตกลงรับน้ำใจของเขาอีกครั้ง

“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ” เมื่อเธอตอบรับก็เห็นว่าภีมเปิดยิ้มสว่างไสวบนใบหน้าทีเดียว เป็นรอยยิ้มที่เรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ของเขาเลยก็ว่าได้ ยิ้มกว้างเห็นฟันขาวเรียงสวย ยิ้มแบบไม่กลัวเลยว่าจะเป็นยิ้มผิดหลักบุคลิกภาพที่ดีหรือไม่ เขายิ้มแบบนี้ทุกครั้งเวลาสัมภาษณ์ดารานักร้องหรือผู้เข้าชมคอนเสิร์ต เป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนอยู่ใกล้ รู้สึกดีไปด้วย

----------

แม้จะใช้เวลาบนรถของภีมไม่นาน แต่ระหว่างทางที่เขาขับมาส่ง ลลีนาก็สังเกตได้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่เป็นระเบียบพอควรทีเดียว จัดวางข้าวของในรถไม่ระเกะระกะ ดูสะอาดสะอ้าน

หลังจากบอกให้ภีมเลี้ยวเข้าซอยแล้วเข้าไปจอดที่หลังร้าน ลลีนาก็พาชายหนุ่มเดินผ่านสวนหย่อมข้างตึก กุ้งแก้วนั้นวิ่งตื๋อนำเข้าร้านไปก่อนใครเพื่อนเพื่อกินอาหารฝีมือมารดาตามที่โทร.มาสั่งเอาไว้ล่วงหน้า

“ร้านบรรยากาศดูสบายน่านั่งดีนะครับ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีต้นไม้ใหญ่ขนาดนี้ทั้งที่อยู่ติดถนนใหญ่” เขาเอ่ยชมขณะที่เดินตามหลังเธอเข้ามาในร้านแล้ว

“เป็นต้นไม้ที่ปลูกเอาไว้นานแล้วน่ะค่ะ จริงๆ ถ้าอากาศเย็นกว่านี้จะชวนนั่งในสวนนะคะ แต่ร้อนอบอ้าวแบบนี้คงไม่ไหว นั่งข้างในดีกว่าค่ะ” ลลีนาว่าแล้วผายมือเชิญภีมให้นั่งที่โต๊ะหนึ่งซึ่งติดหน้าต่างกระจกบานใหญ่มองเห็นสวนหย่อมชัดเจน ช่วยให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น

“ดื่มอะไรดีคะ”

“ขอคาปูชิโนเย็นแล้วกันครับ”

“ได้ค่ะ สักครู่นะคะ” แล้วลลีนาก็เดินไปบอกเกวลินซึ่งตอนที่รับออเดอร์จากเธอ พี่สะใภ้คนขยันแอบขยิบตาและส่งยิ้มแปลกๆ มาให้ก่อนจะเอ่ย

“ไปนั่งคุยกับคุณภีมเถอะ เดี๋ยวพี่เอาไปให้เอง”

ลลีนาเลยเดินกลับมาที่โต๊ะซึ่งภีมกำลังหยิบหนังสือท่องเที่ยวที่วางอยู่บนชั้นหนังสือเล็กๆ ข้างผนังมาอ่าน พอนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามเขา ชายหนุ่มก็วางหนังสือลงเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเธอ

“ร้านน่ารักมากครับ”

“พี่ลินแต่งร้านเก่งน่ะค่ะ” ยังไม่ทันได้พูดคุยกันมากกว่านั้น เกวลินก็เดินมาพร้อมกับถาดใส่กาแฟและขนมหวานในถ้วยใส

“ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ ถ้าชอบร้านพี่ก็แวะมาบ่อยๆ ได้ค่ะ พี่จะลดราคาให้เป็นพิเศษ ถือเป็นการขอบคุณที่ทำให้ยายกุ้งแก้ววาดรูปเก่งขึ้นมากเลยค่ะ แล้วก็ใจเย็นกับมีสมาธิมากขึ้น นี่เป็นเพราะเขาไปเป็นพิธีกรเด็กกับคุณภีมเลยนะคะเนี่ย” เกวลินพูดยาวคล่องแคล่วไม่เคอะเขินสมกับเป็นแม่ค้า ในขณะที่มือก็วางแก้วกาแฟและถ้วยขนม

“กุ้งแก้วเป็นเด็กที่เก่งอยู่แล้วครับ ผมไม่ได้ช่วยอะไรเลย”

“แหม...อย่าถ่อมตัวเลยค่ะ นี่ค่ะดื่มกาแฟแล้วลองชิมกระท้อนลอยแก้วหน่อยนะคะ”

“ขอบคุณครับ เอ่อ ผมรับแต่กาแฟดีกว่าครับ ไม่ถนัดขนมหวาน”

“อร่อยนะคะ อากาศร้อนๆ แบบนี้กินผลไม้ลอยแก้วแล้วชื่นใจดีจริงๆ ค่ะ นี่นุ่นเขาลงมือทำเองเลยนะคะ กว่าจะได้ไม่ใช่ง่ายๆ ดูสิคะ แกะเมล็ดกระท้อนออกแล้วเหมือนดอกไม้เลยนะคะ พี่ยังนับถือฝีมือเขาเลยค่ะ” แม่ค้าคนสวยยังคะยั้นคะยอแล้วอวดฝีมือคนทำอีกต่างหาก ทำเอาลลีนาเขินที่ถูกชมต่อหน้าบุคคลที่สามอย่างภีม และยิ่งภีมเปลี่ยนใจยอมรับขนมหวานถ้วยนั้นไว้ ลลีนาก็ยิ่งรู้สึกขัดเขินอย่างบอกไม่ถูก

“นี่คุณนุ่นทำเองหรือครับ มีฝีมือมากเลยนะครับ”

“นุ่นทำขนมกับอาหารโบราณเป็นหลายอย่างค่ะ เอาไว้คุณภีมมาบ่อยๆ สิคะ จะได้ลองชิมขนมหวานฝีมือนุ่น บางทีก็มีมะปรางริ้วลอยแก้วนะคะ นุ่นเขาทำริ้วมะปรางได้เก่งมาก บางทีก็ทำส้มฉุน ของพวกนี้หากินยากแล้วนะคะสมัยนี้”

“พี่ลินก็ชมเกินไปแล้วค่ะ” ลลีนาต้องรีบเบรกพี่สะใภ้ เพราะดูๆ ไปเหมือนจะชมกันจนเธอเป็นยอดมนุษย์ไปแล้ว แต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยมองว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น ก็แค่ชอบดูยายทำขนมและลองฝึกทำเท่านั้นเอง

“ลองชิมสิคะ ว่าอร่อยแค่ไหน” เกวลินยังคงหันไปเชิญชวนภีมต่ออย่างไม่สน พอชายหนุ่มตักกระท้อนลอยแก้วขึ้นชิมแล้วเอ่ยปากชม เกวลินก็ยิ้มปริ่มพอใจราวกับว่าเป็นคนทำเสียเองก็ไม่ปาน

“อร่อยครับ หวานกำลังดี”

“เห็นไหมคะ นุ่นเขาฝีมือดี เอาไว้แวะมาบ่อยๆ นะคะ”

“พี่ลิน” ลลีนาเริ่มเสียงเข้ม “นุ่นไม่ได้ฝีมือดีขนาดนั้นหรอกค่ะ แล้วอีกอย่างคุณภีมเขาคงยุ่ง ไม่มีเวลาแวะมาที่ร้านบ่อยๆ หรอก”

“ถ้ามีขนมอร่อยๆ แบบนี้ก็น่าแวะมาบ่อยๆ นะครับ” ภีมกลับเอ่ยออกมาแบบนั้นทำเอาลลีนาชะงัก พลันรู้สึกเหมือนเครื่องปรับอากาศภายในร้านจะเสีย เพราะเธอรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าขึ้นมาเสียอย่างนั้น

 

 

** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com