ทดลองอ่าน ปลายปากกาอินเลิฟ 2 เรื่อง ในวันที่รักมาทักทายใจ : ตอนที่ 2

 

 

ตอนที่ 2

 

 

ใช้เวลาไม่นานรถโฟล์กของลลีนาก็มาจอดที่ลานจอดรถของสถานีโทรทัศน์เรียบร้อย โชคดีที่ไม่ใช่ช่วงเวลาเร่งด่วนเธอกับหลานสาวเลยไม่ต้องผจญกับรถติด เมื่อลงจากรถกุ้งแก้วก็พาเธอมาที่จุดแลกบัตรแล้วเดินเข้าไปในอาคารสถานีอย่างคล่องแคล่ว เพราะสาวน้อยวัยเจ็ดขวบเป็นพิธีกรเด็กให้กับรายการขบวนการอาทิตย์ยิ้มแฉ่งมาเป็นปีที่สองแล้ว จึงคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดี อีกทั้งเกวลินและเมธาเลี้ยงลูกสาวมาให้กล้าคิดกล้าแสดงออก แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงความเป็นเด็กสุภาพเรียบร้อยไม่แก่นเซี้ยวจนเกินวัย

“อานุ่นนั่งรอตรงนี้นะคะ กุ้งแก้วต้องไปให้พี่ๆ ทีมงานดูเสื้อผ้าก่อนว่าเรียบร้อยดีไหม แล้วก็จะถ่ายรายการตรงมุมนั้นค่ะ” หนูน้อยบอกและชี้ให้เธอดูว่าตัวเองต้องไปทำอะไรตรงไหนบ้าง ลลีนารับกระเป๋าของกุ้งแก้วมาถือไว้แล้วพยักหน้าหงึกๆ นึกขำตัวเองที่ช่างดูเด๋อด๋าเสียเหลือเกินในยามมาอยู่ในที่เช่นนี้ เพราะรอบกายเธอนั้นเต็มไปด้วยทีมงานเบื้องหลัง จัดฉาก จัดแสงและทีมดูแลความเรียบร้อยให้กับพิธีกรทั้งเด็กและผู้ใหญ่หลายคน ซึ่งแต่ละคนก็เดินไปมาขวักไขว่ทำงานกันอย่างคล่องแคล่ว

ในขณะที่กำลังมองคนนั้นทีคนนี้ที ลลีนาก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มๆ เอ่ยเรียกชื่อเธอ

“คุณนุ่น”

“คะ” หญิงสาวขานรับก่อนจะหันมามองต้นเสียงเสียอีก และเมื่อหันมาก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าคนที่เอ่ยเรียกเธอด้วยชื่อเล่นเหมือนรู้จักกันมานานนั้น คือภีม...หนึ่งในพิธีกรรายการขบวนการอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง อยู่ช่วงสอนวาดภาพซึ่งถ่ายทำร่วมกับกุ้งแก้วนั่นเอง และยังเป็นอดีตนักร้องประกวดรายการ ‘Thailand The Idol’ โครงการค้นหาศิลปินประดับวงการของโทรทัศน์ช่อง ๓๗ ซึ่งเป็นของบริษัทในเครือบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของเมืองไทย

“คุณภีม” ลลีนาเอ่ยเรียกชื่อเขาออกไป มองตาปริบๆ อย่างไม่เชื่อสายตา เพราะไม่คิดว่าเขาจะรู้จักเธอด้วย

ภีมนั้นประกวดไทยแลนด์ดิไอดอลรุ่นแรกและคว้าอันดับสามมาครองในปีนั้น แต่ในขณะที่คนที่ได้แชมป์และรองแชมป์ต่างก็ได้ทำเพลงของตนเองจนโด่งดังกันไปหมดแล้ว ได้รับบทพระเอกพระรองในละครหลายเรื่องของช่อง ทว่าภีมกลับได้รับบทเพียงตัวสามตัวสี่ของละครซิตคอมเรื่องหนึ่งที่ออกอากาศมาหลายซีซันแล้ว นอกจากนั้นก็มีงานเป็นพิธีกรภาคสนามของไทยแลนด์ดิไอดอลในแต่ละปี ลลีนายอมรับว่าเคยเห็นเขาเวลาไปดูคอนเสิร์ตของรายการ แต่ก็ไม่เคยพูดคุยกัน และเธอก็เพิ่งจะเคยมากับกุ้งแก้วที่นี่เป็นครั้งแรก งานที่เขาทำเป็นหลักก็เห็นจะเป็นพิธีกรรายการเด็กทางช่องฟรีทีวีนี่ละ ซึ่งดูเหมือนเขาจะมีความสุขกับรายการนี้มากทีเดียวเพราะทำมาเป็นปีที่ห้าแล้ว ลลีนาเคยดูรายการเพราะอยากดูผลงานของหลานสาว เลยจดจำได้ว่าภาพลักษณ์ของภีมเวลาอยู่ในรายการกับเด็กๆ นั้น เขาเหมือนพี่ชายตัวโตที่ใจดี เช่นเดียวกับเวลาที่เขาสัมภาษณ์ผู้เข้าแข่งขันไทยแลนด์ดิไอดอลทุกคนนั่นละ

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะครับ” เขาถามยิ้มๆ คล้ายจะขบขันกับสีหน้าประหลาดใจของเธอ

“คือ เอ่อ แปลกใจน่ะค่ะ ไม่คิดว่าคุณจะรู้จักฉันด้วย” ลลีนารู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนพูดติดอ่างไปเสียแล้ว

“อ๋อ ก็ผมเห็นคุณไปดูคอนเสิร์ตไทยแลนด์ดิไอดอลทุกสัปดาห์เลยนี่ครับ ผมจำแฟนพันธุ์แท้ของช่องได้” เขาตอบพลางยกมือขึ้นลูบท้ายทอยเหมือนจะขัดเขิน แต่ลลีนาไม่คิดเช่นนั้น...ก็เธอไม่ใช่ดาราสาวสวยที่ไหนที่จะทำให้ชายหนุ่มสักคนหรือคนในวงการอย่างเขามีอาการแบบนั้นได้นี่นา

“แต่คนไปดูคอนเสิร์ตเยอะมากเลยนะคะ คุณเก่งจังจำแฟนรายการอย่างฉันได้”

“ต้องจำได้สิครับ มีอยู่ครั้งที่คุณเข้าไปช่วยน้องแฟนรายการอีกคนที่หกล้มจนตัวเปียกน้ำไปหมดไง หลังจากวันนั้นเวลามีคอนเสิร์ตทีไรคุณก็มาดูพร้อมกับน้องคนนั้นทุกที แล้วน้องคนนั้นเขาเรียกคุณว่าพี่นุ่นๆ ตลอดเลย ผมเลยจำได้ครับ”

คำอธิบายของเขาทำให้เธอถึงบางอ้อ ลลีนาจำได้ว่าเหตุการณ์นั้นเป็นวันคอนเสิร์ตช่วงสัปดาห์แรกๆ ของการแข่งขันในซีซันที่หกนี้เอง วันนั้น ลลีนาเห็นแฟนรายการคนหนึ่งที่มีรูปร่างอ้วนท้วมถือน้ำแก้วใหญ่เข้ามายืนรออยู่ด้านหน้าสตูดิโอขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นที่จัดแสดงคอนเสิร์ต เมื่อทีมงานบอกว่าเอาเครื่องดื่มเข้าไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นก็จะรีบเดินนำไปทิ้งแต่เกิดสะดุดขาตัวเองหกล้มเสียก่อนจนเสื้อเปียกน้ำไปหมด คนอื่นๆ ที่อยู่แถวนั้นต่างพากันอึ้ง บางคนแอบขำด้วยซ้ำ ในขณะที่ลลีนาเห็นใบหน้าเหยเกจนเกือบ จะร้องไห้ของแฟนรายการคนนั้นก็รีบเข้าไปช่วยพยุงให้ลุกขึ้นและพาไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวในห้องน้ำ รวมถึงถอดเสื้อคลุมเนื้อบางที่เธอสวมอยู่ให้น้องคนนั้นสวมทับด้วย อย่างน้อยก็น่าจะพอช่วยบังรอยเปื้อนได้ ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงต้องกลับบ้านพร้อมกับความเสียดายที่อุตส่าห์จองบัตรได้แต่กลับไม่ได้ดู

“อ๋อ วันนั้นนั่นเอง ขอบคุณนะคะที่จำฉันกับน้องสรได้” ลลีนาเอ่ยขอบคุณเขาไปอีกครั้ง แล้วนึกถึงการทำงานของภีมเวลาเป็นพิธีกรภาคสนามก่อนจะเริ่มการแสดงคอนเสิร์ตในทุกสัปดาห์ เขาจะคอยสัมภาษณ์บรรดาแฟนรายการ และดาราหรือนักร้องรับเชิญที่มาร่วมงานในแต่ละสัปดาห์ด้วย

ภีมเป็นคนที่คุยสนุก ดูอารมณ์ดีและมีมุกตลกเยอะแต่เป็นมุกสุภาพไม่หยาบคาย จึงทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของแฟนรายการไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นระดับความดังของภีมก็ยังสู้ผู้ชนะในแต่ละปีไม่ได้ งานในวงการของเขาก็น้อยกว่าคนอื่นๆ ที่ผ่านเวทีเดียวกัน จนลลีนาเองยังอดสงสัยไม่ได้

แต่เมื่อมาคิดๆ ดู อาจเป็นเพราะภีมไม่ใช่หนุ่มพิมพ์นิยมของสาวๆ สมัยนี้ ซึ่งนิยมหนุ่มประเภทผิวขาวบอบบางออกแนวหนุ่มหวานอย่างเช่นพระเอกซีรีส์หรือนักร้องเกาหลีและจีน อย่าว่าแต่สาวๆ พวกนั้นเลย เธอเองก็เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นเธอจะคอยตามเชียร์ตามโหวตให้กับกลทีป์...หนุ่มหน้าหวานที่กำลังเป็นผู้เข้าแข่งขันในรายการไทยแลนด์ดิไอดอลปีนี้เหรอ แถมความนิยมของเขาก็มีมากจนได้คะแนนนำในทุกสัปดาห์ และมีแนวโน้มว่าจะเป็นผู้ชนะในปีนี้ด้วย!

“สัปดาห์นี้จะไปดูไหมครับ” เสียงภีมเอ่ยถาม ดึงเธอกลับมาอยู่กับการสนทนาปัจจุบัน

“ค่ะ จองบัตรได้แล้ว”

“เสาร์นี้คงได้เจอกันนะครับ”

“ค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมขอตัวไปถ่ายรายการก่อน คุณนุ่นจะไปนั่งตรงโน้นก็ได้นะครับจะได้เห็นชัดๆ อ๊ะ ใช่สิ ผมลืมไปเลยคุณนุ่นมากับใครหรือครับ”

“อ๋อ น้องกุ้งแก้วน่ะค่ะ เป็นหลานของฉันเอง”

“ฮะ? อะ อ้อ ครับ” ภีมเอ่ยออกมาพร้อมกับแววตาเหมือนจะตกใจหรือคาดไม่ถึงอะไรแบบนั้น ก่อนที่เขาจะพยักหน้าให้เป็นเชิงขอตัวไปถ่ายรายการก่อนเพราะทีมงานเซ็ตทุกอย่างพร้อมแล้ว รวมถึงกุ้งแก้วก็มานั่งรออยู่ที่โต๊ะสำหรับวาดภาพแล้วด้วย

ลลีนาไม่ได้ติดใจในท่าทีแปลกๆ ของชายหนุ่ม เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มาเห็นการถ่ายทำรายการเด็กที่มีหลายช่วงด้วยกัน มันทำให้เธอตื่นเต้นไม่น้อย เบื้องหลังการถ่ายทำมีอะไรหลายๆ อย่างให้ลลีนาได้ดูอย่างเพลิดเพลิน และอดที่จะนึกชื่นชมทีมงานไม่ได้ที่เก่งและอดทนมากในการทำงานร่วมกับเด็กๆ หลายคน โดยเฉพาะภีม ชายหนุ่มดูเป็นคนอดทน ใจเย็น และใจดีกับเด็กๆ เขาดูแตกต่างจากภาพการเป็นพิธีกรภาคสนามในรายการไทยแลนด์ดิไอดอลมากทีเดียว

กว่าการถ่ายทำจะเสร็จสิ้น เวลาก็ผ่านไปหลายชั่วโมง ทีมงานรู้ดีว่าเด็กๆ จะมีความอดทนไม่มากนัก นอกจากให้พักบ่อย ยังมีขนมนมเนยและเครื่องดื่มคอยบริการตลอด ไม่รีบร้อนอัดรายการวันเดียวหลายๆ เทปอย่างรายการอื่น เด็กๆ ที่ถ่ายทำช่วงของตัวเองเสร็จแล้วก็ทยอยกลับบ้านเช่นเดียวกับกุ้งแก้ว

“เสร็จแล้วค่ะอานุ่น กลับบ้านกันค่ะ” กุ้งแก้วเดินยิ้มแฉ่งเข้ามาหา ลลีนาจึงลุกขึ้นยืนคว้ากระเป๋าเป้ของหลานมาถือไว้ เธอเหลือบไปมองก็เห็นว่าภีมยังคุยอยู่กับทีมงาน จึงไม่ได้เอ่ยลาเขาเพราะไม่อยากรบกวน ได้แต่จูงมือหลานสาวพากันเดินออกไปที่ลานจอดรถ

 

 

** หมายเหตุ: นิยายที่ลงในเว็บยังไม่ใช่ฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **

 

 

กลับหน้าหลัก        

Powered by MakeWebEasy.com