“ผมบอกแล้วไงว่าไม่แต่ง!”
เสียงที่ดังออกมาจากห้องแต่งตัวเจ้าบ่าว ทำให้รงรองหลุดจากภวังค์และพบว่าสองสาวใช้ฝาแฝดที่หน้าเหมือนกันเปี๊ยบพาเธอมาถึงหน้าห้องที่ว่าแล้ว หญิงสาวพยายามไม่ยิ้มมุมปากกับเสียงที่ได้ยิน เธอทำหน้านิ่งแบบที่ทำมาทั้งชีวิต จนสาวใช้ทั้งสองถึงกับเสียวสันหลังด้วยความครั่นคร้ามเพราะไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
เมื่อสาวใช้คนพี่ยกมือจะเคาะห้องให้รงรองอย่างเอาใจ รงรองก็ปัดมืออวบๆ ออก แล้วยกมือขึ้นชิดปาก ทำเสียง “ชู่ว์!”
รงรองค่อยๆ บิดลูกบิดประตูแล้วแง้มเข้าไปนิดเดียวเพื่อแอบดูและแอบฟัง เธอเห็นพี่ชายของคู่หมั้นที่ไม่ได้เจอกันนานแล้วในห้องนั้น ชุดที่เขาสวมเหมือนเพิ่งกลับจากที่ทำงาน ตอนนี้เขากำลังดึงเนกไทลงด้วยท่าทางอึดอัด ใบหน้าของเขาแดงไปหมด ดูเหมือนเขาจะโกรธน่าดูเลยที่ต้องกลายเป็นเจ้าบ่าวจำเป็นแทนน้องชายตัวเองที่หนีไป
“ไม่แต่ง ผมไม่แต่ง!” เขายังโวยวายไม่หยุด “ถ้าจะให้ผมแต่งกับผู้หญิงที่แก้ผ้าเดินบนเวทีให้คนเขาถ่ายรูปถ่ายคลิปไปเผยแพร่ให้โลกเห็นกันทั้งบาง ผมไม่เอา! นี่ผมมาที่นี่ในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าวไง แม่บอกว่าเตรียมชุดให้ผมแล้วไง เอาชุดเพื่อนเจ้าบ่าวมาสิครับ แล้วไอ้วินทร์มันหายหัวไปไหน”
คำพูดของเขาทำให้รงรองหน้าร้อนผ่าว เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ‘นรธีร์’ พี่ชายของคู่หมั้นจะเป็นคนปากร้ายและดูถูกผู้หญิงแบบนี้ ทั้งที่เธอรู้จักเขามาตั้งแต่จำความได้ รงรองยังเคยคิดเลยว่านรธีร์เป็นคนดี ถึงจะหัวโบราณไปหน่อย แต่ก็ไม่เคยว่าร้ายใคร
นี่เธอไม่ได้รู้จักตัวตนของเขาเลยมากกว่า
เวลาอยู่กับครอบครัว เขาเป็นคนแบบนี้เองเหรอ... นิสัยไม่ดี!!!
“แต่เมื่อก่อนธีร์ก็ชอบน้องนี่ลูก”
เขาชักสีหน้าเมื่อมารดาสะกิดต่อมวัยเด็ก ก่อนจะโวยวายไม่หยุด
“นั่นมันเมื่อก่อนครับแม่ แต่ตอนนี้ไม่ชอบ! ต่อให้พวกนิตยสารบ้าบอจะจัดให้ยายนั่นติดอันดับเจ็ดในเก้าสิบเก้าผู้หญิงที่น่าปรารถนาที่สุดในโลก หรือต่อให้แบรนด์น้ำหอมอายุเป็นร้อยปีที่แม่ชอบจะทาบทามยายนั่นไปเป็นแอมบาสเดอร์ ผมก็ไม่สน ผมไม่ชอบพวกผู้หญิงที่แต่งตัวล่อตะเข้ ไม่มียางอาย”
อื้อหือ...ไม่ชอบ แต่รู้หมดทุกเรื่องเลยนะคะพี่ธีร์!
รงรองแอบแยกเขี้ยวใส่เขาอยู่หลังบานประตู ก่อนที่เธอจะปิดประตูโดยไร้เสียง แล้วหันไปถามสาวใช้ทั้งสองคนด้วยเสียงกระซิบ
“นี่ ชื่ออะไร”
สองสาวฝาแฝดกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ก่อนตอบเสียงเบาๆ ตามว่าที่เจ้านายคนใหม่
“เฉิดค่ะ”
“ฉายค่ะ”
“เฉิดมากับฉัน ฉาย ฉันต้องการกรรไกรคมๆ กับจักรเย็บมือ หาให้ได้ไหม”
“ค่ะๆ ได้ค่ะ”
ข้างนอกห้อง สามสาวเดินหายไปแล้ว ส่วนภายในห้อง บิดาและมารดาของนรธีร์ได้ยินลูกชายพูดอย่างรู้ลึกรู้จริงถึงความเป็นไประหว่างอยู่ต่างประเทศของว่าที่ลูกสะใภ้ขนาดนั้น ก็ต้องรีบกลั้นยิ้มแล้วแอบส่งสายตาให้กันว่า สงสัยคราวนี้จะง่ายกว่าคราวคนน้อง คิดไปคิดมา คนเป็นแม่ก็นึกขึ้นมาได้ว่านางเองก็ถูกจับคลุมถุงชนกับสามี แล้วมารักกันหลังจากมีลูกชายคนโตแล้วนี่แหละ นางเลยมั่นใจมากว่ารุ่นลูกจะเป็นเหมือนกัน ยังไม่รักไม่เป็นไร พอได้นอนกอดกันทุกคืน ก็จะรักกันไปเอง
รงรองเคยเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ที่นางปลาบปลื้มเพราะการวางตัวดีเป็นกุลสตรีของเธอ และต้องยอมรับว่ารู้สึกแย่ไม่น้อยที่หญิงสาวหนีการแต่งงานไป แถมยังไปเป็นนางแบบชุดชั้นใน แต่ไม่ว่ารงรองจะเป็นอย่างไรก็ช่าง สำหรับนางแล้ว ‘ชาติตระกูล’ สำคัญกว่าการกระทำ ยังไงรงรองก็ยังเป็นลูกสาวคนเล็กของตระกูลผู้ดีเก่าแก่ที่ควรดองกันไว้ เมื่อทางนั้นบอกว่าจะเอาตัวลูกสาวกลับมาแต่งงานให้ได้ นางก็ยินดีต้อนรับ
แต่ทีนี้กลับกลายเป็นลูกชายคนเล็กของนางเองที่หนีไป
งานแต่งถูกจัดขึ้นแล้ว การ์ดเชิญก็ถูกส่งไปยังแขกเหรื่อคนสำคัญมากมายอย่างเอิกเกริก จะพี่แต่ง หรือน้องแต่ง ก็ไม่เห็นเป็นไร ขอแค่ให้งานนี้มีเจ้าบ่าวเข้าร่วมพิธีกับเจ้าสาวไม่ให้เสียหน้าซ้ำสองเถอะ!
“ธีร์ ลูก...” คนเป็นแม่พยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ “น้องอาจจะทำไปเพราะยังเด็ก”
“ยี่สิบห้าแล้วนะครับ ไม่เด็ก” ชายหนุ่มยังดื้อดึง “อีกสามเดือนยายนั่นจะอายุยี่สิบหกปีแล้ว”
เขาพูดไปแล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่าแสดงออกว่ารู้เรื่องของรงรองมากเกินไป ชายหนุ่มกระแอมเบาๆ ก่อนจะหยิบเสื้อสูทที่ถอดวางไว้บนโต๊ะขึ้นมาถือไว้
“ผมจะกลับบ้าน”
แม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่เมื่อมารดาไม่ยอมปล่อยแขนและพยายามชักแม่น้ำทั้งห้ามากล่อมเขา ชายหนุ่มก็ออกจากห้องนี้ไม่ได้เสียที ถึงเขาจะเป็นลูกนอกคอกสำหรับมารดา ไปเอาดีทางอสังหาริมทรัพย์ ไม่ยอมสอบเข้าหมอแบบน้องชาย บิดาขอให้ไปซ้ายเอาใจมารดาหน่อย เขาจะไถลไปขวา มารดาบอกให้เดินไปข้างหน้า เขาจะก้าวถอยหลังแล้วผิวปากไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เขาก็ไม่ใช่ลูกชายใจยักษ์ที่จะสะบัดมือมารดาออกจากแขนตัวเองได้
“เถอะนะลูก แค่ให้ผ่านคืนนี้ไปได้ก็ยังดี”
นรธีร์เหลือบมองบิดาหวังจะให้ช่วย แต่ก็เห็นท่านเห็นดีเห็นงามไปกับมารดาด้วย เหมือนกับที่เห็นมาทั้งชีวิตของเขานั่นแหละ เมื่อบิดายิ้มและพยักหน้า ส่งสายตาหลังกรอบแว่นมาทำนองว่า ‘ยอมแม่เขาเถอะ’ เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้อยู่ดี
“ถ้าต้องมีเจ้าบ่าวจริงๆ ก็ให้พ่อแต่งไปสิครับ”
คำพูดของลูกชายทำให้คนเป็นพ่อหัวเราะพรืด คนเป็นแม่ถึงกับหันไปมองสามีตาเขียว จังหวะที่พวกท่านเผลอนี่แหละ นรธีร์รีบฉวยโอกาสแกะมือมารดาออกจากแขนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินไปทางหน้าประตูห้อง แล้วยกมือขึ้นโบกโดยไม่หันกลับไปมองทางด้านหลัง
“บายครับแม่”
พูดยังไม่ทันจบ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก ชายหนุ่มชะงักฝีเท้า อึ้งไปเลยกับภาพที่เห็น
เขาจำได้ว่าเห็นมารดาเลือกชุดวิวาห์ราคาแพงที่เป็นแบบกระโปรงสุ่มฟูฟ่อง คอเสื้อปิดถึงลำคอของเจ้าสาวแทบไม่เห็นรูขุมขน ไม่ใช่กระโปรงบางเฉียบที่เหมือนจะเอาระบายด้านในออกจนหมด แถมยังผ่าขึ้นมาสูงถึงขาอ่อนอย่างที่เจ้าสาวตรงหน้าใส่อยู่ตอนนี้ แขนเสื้อที่ยาวถึงข้อมือก็ถูกตัดกลายเป็นเสื้อแขนกุดอย่างแนบเนียน แถมยังคว้านคอลึกไปถึงใต้ทรวงอก เห็นเนินทรวงอวบอัดอย่างแจ้งชัดกับตา
รงรองยิ้ม คราวนี้ละ งานแต่งได้ล่มแน่นอน!